วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Hide file, folders behind Word document.docx & Excel document.xlsx: ซ่อนไฟล์, โฟลเดอร์ไว้หลังเอกสาร Word.docx และ Excel.xlsx


 


Hide file, folders & drives Contents

2. Create batch file to lock Folders(use a password) 3. Use attrib command hide file & folders
4. Hide file & folders behind picture 5.Lock or divert folders with CLSID 6.Lock or divert folders with CLSID(Another way.)
7. Create invisible folders 8. Using gpedit.msc to hide specified drives in computer. 9. Lock & Hide Drives using Hexadecimal.
10. Hide Drive With Disk Management Tool 11. Hide Drive with QuickEdit Mode on Diskpart
12. Hide file,folders behind Word document.docx & Excel document.xlsx

Hide file, folder & drive without any software Page.12

Hide file, folder behind Word document.docx & Excel document.xlsx

ซ่อนไฟล์, โฟลเดอร์ไว้หลังเอกสาร Word.docx และ Excel.xlsx




tom-jery(Hide-file&folder-betom & jery(Hide file & folder behind Word Document.docx & Excel Document.xlsx)ผมค้นพบวิธีซ่อน File และ Folder ไว้ด้านหลังเอกสาร Word.docx และ Excel.xlsx จากการตั้งคำถามที่แสนจะเรียบง่ายที่ว่า เมื่อเราแทรกภาพลงในเอกสาร หรือ ไฟล์ที่สร้างจากโปรแกรมต่างๆ เช่น ไฟล์นามสกุล(Extension) .docx .xlsx .pdf .ppt .rtf ฯลฯ มันถูกเก็บไว้ที่ไหน? โดรงสร้างการจัดเก็บไฟล์มันเป็นยังไง?
และจากการใช้เวลาว่างตรวจสอบเล่นๆของผม ผมก็ได้สะดุดตากับไฟล์สองนามสกุลนี้คือFile.docx กับ .xlsx ของโปรแกรม Word กับ Excel เพราะมันมีวิธีการจัดเก็บ File ที่แยกออกจากกันอย่างเป็นอิสระ เป็นสัดส่วน (แบบเดียวกับที่คุณ Save webpage จากโปรแกรม browser) และ เรายังสามารถดึง File ย่อยเหล่านั้นออกมาดูเป็นส่วนๆได้อีกด้วย รายละเอียดปลีกย่อยผมไม่อธิบายนะ มันนอกหัวเรื่อง....
สรุปก็คือดูจากโครงสร้างของ File.docx กับ .xlsx เราสามารถนำ File, Folder รวมถึงโปรแกรม และเกมจำพวก Portable ไปซ่อนไว้ด้านหลังเอกสาร Word กับ Excel ได้ด้วยครับ

จุดเด่น: ซ่อนได้แนบเนียน, ตรวจสอบได้ยาก (สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่อง) แบบเดียวกับการซ่อนไฟล์ไว้หลังภาพ แต่มีวิธีทำที่ง่ายกว่า และ สามารถนำไฟล์ที่ซ่อนนั้นมาใช้ตามปกติได้ง่ายด้วย


อ่านก่อนทำตาม:
- การซ่อนไฟล์ และโฟลเดอร์ ตามหัวเรื่องนี้ใช้ได้กับ File.docx กับ .xlsx ที่สร้างจาก Microsoft Word, Excel 2010 และ 2013 สำหรับผู้อ่านที่ใช้รุ่นที่เก่ากว่าต้องทดลองเองครับว่าใช้ได้หรือเปล่า
- คุณต้องมีโปรแกรม Winrar, 7zip ตัวใดตัวหนึ่ง

ดูภาพประกอบตามหมายเลข (ตัวอย่างของผมจะใช้ File.docx และ 7zip)
1. ให้คุณสร้าง File จากโปรแกรม Word หรือ Excel ขึ้นมา 1 File (จะพิมพ์ข้อความ หรือแทรกภาพหรือไม่ก็ได้)
* คุณสามารถสร้างเอกสาร Word, Excel แบบรวดเร็วโดยการคลิกขวาบนที่ว่าง > เลือก New > 
Microsoft Word Document หรือ
Microsoft Excel Worksheet
2. คลิกขวาบน File ที่คุณเตรียมไว้จากข้อ 1. เลือก Open with > Winrar หรือ 7zip
* ถ้า Winrar,7zip ยังไม่มีในรายการให้คุณเลือกแบบภาพตัวอย่าง คุณต้องคลิกที่ Choose default program... และ More options.. ตามลำดับเพื่อค้นหาโปรแกรมเอง
Create New Word.docx, Excel.xlsx Open file with > Winrar or 7zip

3. คลิกลากไฟล์ หรือโฟลเดอร์ที่คุณต้องการจะซ่อนมาวางใน Winrar หรือ 7zip(ตัวอย่างของผมต้องการซ่อน Folderที่เก็บโปรแกรมStrokIT Portable, ภาพ และ VDO อีก3 File) > จะมี Pop-up -ขึ้นมาถามยืนยันให้คุณคลิก Yes (ถ้าใช้ WinRAR คลิก OK) เป็นอันจบขั้นตอน ให้คุณปิด 7zip หรือ Winrarได้เลย
drag & drop File, Folder in Winrar or 7zip Drag & drop File, Folder to Winrar or 7zip







Rollback file,folder hiddenการนำ File, Folder ที่ถูกซ่อนกลับมาใช้:  ทำได้ 2วิธีครับ

วิธีที่ 1. ให้คุณเปิดไฟล์ที่คุณใช้ซ่อนด้วย Winrar หรือ 7zip จากนั้นคลิกลาก File หรือ Folder ที่คุณซ่อนไว้ออกมาวางที่หน้า Desktop หรือ วางที่ใน Folder ไหนก็ได้
วิธีที่ 2. คุณจะดับเบิลคลิกเพื่อเปิด File จากข้างในโปรแกรม Winrar หรือ 7zip ก็ได้ เช่นจากตัวอย่าง ถ้าผมต้องการใช้โปรแกรม StrokIT หรือ ต้องการดู VDO ที่ผมซ่อนไว้ ผมก็สามารถดับเบิลคลิกเพื่อเปิดจากข้างใน 7zip ได้ทันที




Open file.docx or .xlsx
Open file.docx or .xlsx
Tom & Jery Ainmation gif





Note:
- ถ้าไฟล์ที่คุณซ่อนมีขนาดใหญ่ การเรียกเปิดไฟลหรือโปรแกรมจากข้างใน Winrar, 7zip จะเปิดได้ช้ากว่าการเปิดแบบปกติ
- คุณสามารถนำเอกสาร Word, Excel ที่คุณใช้ซ่อนนั้น มาเปิดได้ตามปกติ แต่เวลาเปิด จะมี Pop-up ขึ้นมาแจ้งตามรูป ไม่ต้องสนใจให้คุณคลิก OK > yes เพื่อเปิดเอกสารได้ตามปกติ
- สิ่งที่คุณควรระวัง: ถ้าคุณนำ File มาแก้ไขคุณจะต้อง Save File ให้เป็นชื่อใหม่เท่านั้นครับ เพราะถ้าคุณ Save ทับ File เดิม, สิ่งที่คุณซ่อนไว้จะหายไปทั้งหมด





วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

Disable/Enable regedit&cmd. (Compare setting in gpedit & regedit): ปิด และเปิดการใช้งาน regedit, cmd (เปรียบเทียบการตั้งค่าใน gpedit และ regedit)


 

Disable/Enable...Contents
1. Disable & Enable regedit, cmd 
(Compare setting in gpedit & regedit)
2. Disable & Enable gpedit.msc 
with File.reg, Registry
 Editor & cmd
3. Disable & Enabl Run  (Compare setting in gpedit & regedit) 4. Disable & Enable Task Manager with batch file, reg file, Registry editor & gpedit.msc
5. Open Administrator Account to Troubleshoot some problems of windows


Disable/Enable regedit&cmd (Compare setting in gpedit & regedit)

ปิด และเปิดการใช้งาน regedit, cmd (เปรียบเทียบการตั้งค่าใน gpedit และ regedit)

Disable & Enable regedit, cmd  Compare setting in gpedit & regedit (Larva Toon)ถ้าคุณใช้ Computer แบบส่วนตัว หรืออาจจะใช้งานร่วมกับคนอื่นเพียงไม่กี่คน
การปิดโปรแกรม regedit.exe(Registry Editor), gpedit.msc(Group Policy), cmd.exe(Command Prompt), run(Run dialog), taskmgr.exe(Task Manager) หรือ โปรแกรมที่ติด Windows อีกหลายๆตัว
นั้น โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันไม่มีประโยชน์สาระอะไรเลย ให้ผลเสียมากกว่าผลดี และ ผมก็ไม่แนะนำให้ปิดด้วย
แต่ถ้าเป็น Computer ที่ใช้งานแบบสาธารณะ การปิดโปรแกรมพวกนี้ก็พอจะมีประโยชน์ในเรื่องของการป้องกันการเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือเพื่อความปลอดภัย

จุดประสงค์ของบทความชุดนี้ก็เพื่อ แนะนำวิธีการแก้ปัญหาในกรณีที่คุณไม่สามารถ
เปิดใช้งานโปรแกรม หรือส่วนติดต่อต่างๆตามหัวเรื่องไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติมากกว่าครับ

สาเหตุหลักที่จะทำให้คุณใช้งานโปรแกรมเหล่านี้ไม่ได้ก็มีอยู่เพียง 3 กรณีคือ
- โดน Malware เล่นงาน 
- คนอื่นที่อาจเป็นเพื่อนร่วมงานของคุณเป็นคนปิด หรือ
- คุณมีเจตนาปิดซะเอง

A. ปิด/เปิด การใช้งาน regedit.exe, cmd.exe ด้วยการตั้งค่าใน gpedit (Local Group Policy Editor)

Disable & Enable regedit, cmd with gpedit.msc

1. เปิดโปรแกรม Local Group Policy Editor : 
- กด Windows key + r > พิมพ์ gpedit.msc > Ok 
- หรือคุณจะพิมพ์ gpedit.msc ที่ Address bar จากข้างใน Folder อะไรก็ได้ จากนั้นกด Enter

2. ที่หน้าต่างของโปรแกรม gpedit (ในตัวอย่างของผมใช้ Standard View) ให้คุณคลิกเข้าไปตาม Path นี้
User Configuration > Administrative Templates > System.

3. ที่ Colum ด้านขวา ให้คุณ Double click ที่ ตัวใดตัวหนึ่งที่คุณต้องการจะปิด

3.1 ปิดการใช้งาน cmd = 
gpedit_icon
Prevent access to the command Prompt
3.2 ปิดการใช้งาน regedit =
gpedit_icon[1] Prevent access to registry editting tools

...ในตัวอย่าง (Pic 1.) จะเป็นการปิดใช้งานโปรแกรม Regedit , ถ้าคุณต้องการปิด cmd ก็ใช้วิธีการแบบเดียวกัน

4. ที่ Prevent access to registry editting tools Dialog box ให้คุณเลือกเป็น  Enabled จากนั้นคลิก Ok
* ถ้าคุณอยากรู้ว่าการตั้งค่าของตัวเลือกนั้นๆ สามารถนำมาใช้งานกับ Windows รุ่นไหนได้บ้างให้คุณดูที่ Support on * ถ้าคุณอยากรู้ว่าการตั้งค่าของตัวเลือกนั้นๆจะให้ผลลัพธ์อย่างไร ให้คุณอ่านที่ Help ตั้งค่าเสร็จแล้วก็ปิด gpedit ได้เลย
5. สิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าคุณปิดการใช้งาน regedit
Pop-up: Registry can't open- คุณจะไม่สามารถเปิดโปรแกรม Regedit ได้
- คุณจะไม่สามารถ Import File.reg
- คุณจะไม่สามารถใช้คำสั่งควบคุม Registry ด้วยโปรแกรม cmd รวมถึง การแก้ไข Registry ด้วย Batch file ได้อีกต่อไป
และ ถ้าคุณพยายามที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ผมบอก ก็จะมี Pop-up ขึ้นมาเตือนตามรูป 

วิธีการคืนค่า(Restore):

ให้คุณกลับเข้าไปแก้ไขตัวเลือกให้เป็น ☻ Not Configured หรือ ☻ Disable ตัวใดตัวหนึ่งก็ได้ จากนั้นคลิก OK โปรแกรม regedit หรือ cmd (แล้วแต่ว่าคุณเลือกปิดตัวไหน)ก็จะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
* คุณสามารถอ่านข้อแตกต่างระหว่างการใช้ตัวเลือก ☻ Not Configured กับ ☻ Disable 
ได้จากบทความนี้ครับ 
Basic Local Group Policy page 3: Options ต่างๆของการตั้งค่าใน Policy









* การตั้งค่าต่างๆใน gpedit เกือบทั้งหมด มักจะมีความสัมพันธ์กับการตั้งค่าใน Registry เสมอ เช่น ถ้าคุณเข้าไปแก้ไขค่าใน gpedit ให้เป็น ☻ Enabled ตามตัวอย่างใน Pic 1.(ปิด regedit) ระบบของ Windows ก็จะเข้าไปแก้ไขค่าใน Registry ให้เป็นดังรูป(Pic 2.) แต่เราจะไม่สามารถเปิดเข้าไปดูได้(เพราะคุณ ปิดการใช้งาน regedit ไปแล้ว) คุณต้องกลับไปตั้งค่าให้เป็น ☻Not Configured ก่อน จากนั้นก็มาดูวิธีการปิด regedit.exe ด้วยโปรแกรม Registry Editor ตามข้อ B.

B. ปิด/เปิด การใช้งาน regedit.exeโดยการแก้ไข Registry:


Disable regedit.exe with Registry Editor





1. เปิด Regedit : กด Windows key + r > พิมพ์ regedit > Ok > yes
2. ที่โปรแกรม Registry Editor ให้คุณเข้าไปตาม Key นี้ (Pic 2.)

HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System
ถ้าคุณเปิดมาถึงคีย์ Policies แล้วไม่พบคีย์ย่อยที่ชื่อ System ก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่
- วิธีการสร้างคีย์ย่อย(Sub key) >> คลิกขวาที่ Policies > New > Key > ตั้งชื่อเป็น System
3. ที่ Colum ด้านขวา ให้คุณตั้งค่า DWORD Vlue ชื่อ DisableRegistryTools= 1 ตรงนี้ถ้าไม่มี ก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่เหมือนกัน (คลิกขวาที่ Colum ด้านขวา ของ System Key > New > DWORD (32-bit ) Vlue > ตั้งชื่อเป็น DisableRegistryTools)...เสร็จแล้วปิดโปรแกรม regedit จากนั้นทดลองเปิด regedit ดูอีกครั้งก็จะได้ผลลัพธ์แบบข้อ A.

วิธีการคืนค่า(Restore)

คุณต้องใช้วิธีการ Restore แบบข้อ A. แต่คุณต้องเลือกเป็น  Disable เพราะตัวเลือกนี้ Windows จะลบการตั้งค่าใน Registry ให้คุณเอง













C. ปิด/เปิด การใช้งาน cmd.exe โดยการแก้ไข Registry:

Disable & Enable cmd.exe with Registry Editor
เปิดโปรแกรม Regedit :
กด windows key + r > พิมพ์ regedit > OK > Yes




ถ้าคุณเลือกที่จะปิดโปรแกรม cmd ด้วยวิธีตั้งค่าใน gpedit โดยการตั้งค่าตัวเลือก gpedit_icon[2]Prevent access to the command Prompt (เลือกเป็น ☻ Enabled )
ระบบ Windows จะเข้าไปเพิ่มค่า Registry ให้คุณเองตาม key นี้
HKEY_CURRENT_USER\Software\Policies\Microsoft\Windows\System. 
ที่ Column ด้านขวาจะมีค่า DWORD Value ที่ชื่อ 
DisableCMD และมีค่า Value data = 2

Command Prompt has been disable by your administrator- ค่า Value data นี้ จะปิดเฉพาะการใช้งาน cmd เท่านั้น สำหรับ Batch file ก็ใช้งานได้เหมือนเดิม และเมื่อคุณทดลองเปิด cmd ก็จะมี Message box ขึ้นมาเตือนตามรูป
- แต่ถ้าคุณต้องการปิดการใช้งาน cmd และ ห้ามใช้ Batch Fileด้วย คุณต้องเปลี่ยนค่า Value data = 1
- ถ้าคุณใส่ค่า Value data = 0 หรือ ลบ DWORD Value ที่ชื่อ DisableCMD ออกไปก็หมายถึงใช้งานได้ตามปกติ

Larva Toon Animation.gif

Note:
ถ้าคุณยังไม่ได้ตั้งค่าใน gpedit ที่หัวข้อ gpedit_icon[3]Prevent access to the command Prompt ให้เป็น ☻ Enabled มาก่อน จากนั้นถ้าคุณเปิดโปรแกรม regedit เข้ามาดูตาม Key ที่ผมระบุไว้ ก็อาจไม่พบ Key ที่ชื่อ System กับ DWORD Value ที่ชื่อ DisableCMD ถ้าเป็นแบบนี้คุณต้องสร้างขึ้นมาเองครับ




Disable & Enable gpedit.msc with File.reg, Registry Editor & cmd: ปิด และเปิดการใช้งาน gpedit.msc ด้วย File.reg, Registry Editor & cmd



 

Disable/Enable...Contents
1. Disable & Enable regedit, cmd  (Compare setting in gpedit & regedit) 2. Disable & Enable gpedit.msc 
with File.reg, Registry
 Editor & cmd
3. Disable & Enabl Run  (Compare setting in gpedit & regedit) 4. Disable & Enable Task Manager with batch file, reg file, Registry editor & gpedit.msc
5. Open Administrator Account to Troubleshoot some problems of windows

 


Disable & Enable gpedit.msc with File.reg, Registry Editor & cmd

ปิด และเปิดการใช้งาน gpedit.msc ด้วย File.reg, Registry Editor & cmd

Disable & Enable gpedit.msc with File.reg, Registry Editor & cmd(Larva Toon)

บทความนี้เขียนขึ้นมาเพื่อ แนะนำวิธีการแก้ไขในกรณีที่คุณไม่สามารถเปิดใช้งานgpedit.msc ไม่ได้มากกว่าที่จะแนะนำให้ปิด แต่ถ้าคุณใช้ Computer ร่วมกับคนอื่น หรือเป็นคนที่ดูแล Computer สาธารณะ หรือ อะไรทำนองนั้น จะปิดเพื่อความปลอดภัยก็ได้นะคะ
- ทุกครั้งที่มีการทดลองเกี่ยวกับการแก้ไขระบบ ไม่ว่าจะมีความเสี่ยงมาก หรือน้อยก็ตาม ฉันแนะนำว่าคุณควร Backup ระบบไว้ก่อนจะดีกว่า (ง่ายๆก็คือ Create a restore point)


จากวิธีทำในข้อ A, B, C ให้คุณเลือกทำตามข้อใดก็ได้ ตามความถนัด

 



A. ปิด/เปิด การใช้งาน gpedit.msc โดยการ Add file.reg (สำหรับคนที่มีพื้นฐานในเรื่อง Reg. เป็นอย่างดี)

1. Disable (ปิดการใช้งาน gpedit.msc) Pic 1.
- Copy code จากตารางข้างล่างนี้ จากนั้นนำไป Paste ใน Notepad หรือ WordPad > Save เป็นFile.reg ตั้งชื่ออะไรก็ได้(นามสกกุล.reg คุณต้องพิมพ์ใส่เองค่ะ) จากนั้นให้คุณDouble click ที่ file.reg > Yes > Yes > Ok
Windows Registry Editor Version 5.00
[HKEY_CURRENT_USER\Software\Policies\Microsoft\MMC\{8FC0B734-A0E1-11D1-A7D3-0000F87571E3}]
"Restrict_Run"=dword:
00000001

Disable gpedit.msc with File.reg
2. Enable (เปิดใช้งาน gpedit.msc) Pic 2.
- คลิกขวาที่ file.reg (ที่คุณสร้างขึ้นตามข้อ 1.) > เลือก Edit จากนั้นเปลี่ยนค่าของ "Restrict_Run"=dword:00000000 > Save > Double click ที่ file.reg > Yes > Yes > Ok
Enable gpedit.msc with File.reg
Note:
- การเขียนค่าของ dword value "Restrict_Run" ที่เป็น 00000001 และ 00000000 นั้นในการใช้งานจริง คุณจะเขียนเป็น 1, 0 ก็ได้เพราะเลข 0 ที่อยู่ข้างหน้าอีก 7 ตัวนั้นไม่มีความหมายอะไรเลย จึงไม่จำเป็นต้องเขียนก็ได้ แต่ที่ฉันเขียนตามภาพตัวอย่าง ก็เพราะว่ามันเป็นการเขียนให้ถูกหลักการเขียนเลขฐาน16 แบบ32 bit (Hexadecimal 32 bit) เท่านั้นเอง (ตัวเลขหนึ่งตัว = 4 bit, 4 x 8 = 32 bit)
- ถ้าคุณต้องการแยก File.reg ให้เป็นคนละตัวระหว่าง Disable กับ Enable ก็ให้ใช้คำสั่ง Save as จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อไฟล์ก็ได้
- ถ้าดูจากข้างในโปรแกรม Registry Editor. การแก้ไข reg Code ตามข้อ2. เป็นเพียงการเปลี่ยนค่า dword ที่ชื่อ Restrict_Run จาก 1ให้เป็น 0 ซึ่งเป็นค่า Default เท่านั้น
- แต่ ถ้าคุณต้องการลบการตั้งค่านี้ออกไปจริงๆก็ต้องใส่เครื่องหมายลบ(-) แบบ Code ในตารางข้างล่างนี้ค่ะ
Windows Registry Editor Version 5.00
[HKEY_CURRENT_USER\Software\Policies\Microsoft\MMC\{8FC0B734-A0E1-11D1-A7D3-0000F87571E3}]
"Restrict_Run"=
-
ความหมายของ code ในตารางก็คือ ให้ลบ Dword value ที่ชื่อ Restrict_Run


 





 

B. ปิด/เปิด การใช้งาน gpedit.msc โดยการตั้งค่าใน Registry Editor. (สำหรับคนที่ต้องการดูรายละเอียดใน regedit)

เปิด Registry editor (เลือกเปิดตามวิธีใดก็ได้)
- กด Windows key + r > พิมพ์ regedit > OK > Yes
- พิมพ์ regedit ที่ Address bar จากข้างใน Folder อะไรก็ได้ จากนั้นกด Enter > Yes

ที่โปรแกรม Registry Editor ให้คุณคลิกไปตาม Root key นี้ (Pic 1.)
HKEY_CURRENT_USER\Software\Policies\Microsoft\MMC\{8FC0B734-A0E1-11D1-A7D3-0000F87571E3}
- ถ้าคุณคลิกไปถึง Key ที่ชื่อ Microsoft แต่..ถ้าวินโดว์ของคุณไม่มี Key ที่ชื่อ MMC และ 
{8FC0B734-A0E1-11D1-A7D3-0000F87571E3} คุณต้องสร้างขึ้นมาเอง(คลิกขวาเลือก New > key จากนั้นก็ตั้งชื่อตามตัวอย่าง)
Disable & Enable gpedit.msc with Registry Editor
- ที่ Column ด้านขวา ให้คุณคลิกขวา > New > DWORD [32 bit] Value > ตั้งชื่อเป็น Restrict_Run
- Double click ที่ Restrict_Run > ที่ช่อง Value data ...>>>>
1. ถ้าคุณต้องการ "ปิดการใช้งาน gpedit.msc" ให้คุณใส่ค่า Value data = 1
2. ถ้าคุณต้องการ "เปิดการใช้งาน gpedit.msc" ให้คุณใส่ค่า Value data = 0 (เป็นค่า Default)
* การคืนค่าให้เปิดการใช้งาน gpedit.msc ได้ตามปกติอีกวิธีก็คือ ให้คุณลบ Value data หรือลบkey ที่คุณสร้างออกไปได้เลย







C. ปิด/เปิด gpedit.msc โดยการเขียนคำสั่ง Reg add ในโปรแกรม cmd

เปิด cmd Run Admin
Windows 7: พิมพ์ cmd ที่ Start search box > กด Ctrl + Shift ค้างไว้ จากนั้นคลิกที่ cmd Icon > Yes
Windows 8, 8.1: พิมพ์ cmd ที่ Start screen > กด Ctrl + Shift ค้างไว้ จากนั้นคลิกที่ cmd Icon > Yes

- เมื่อเปิด cmd ขึ้นมาแล้วให้คุณ Copy code จากข้อ 1. และ 2. (ข้างล่าง)จากนั้น > คลิกขวาใน cmd > เลือก Paste > กด Enter
1. Disable gpedit.msc (ปิดการใช้งาน Pic 4.) = 
REG add "HKCU\Software\Policies\Microsoft\MMC\{8FC0B734-A0E1-11D1-A7D3-0000F87571E3}" /v Restrict_Run /t REG_DWORD /d 
1 /f
Disable gpedit.msc with REG command in cmd

2. Enable gpedit.msc (เปิดการใช้งาน Pic 5.) = 
REG add "HKCU\Software\Policies\Microsoft\MMC\{8FC0B734-A0E1-11D1-A7D3-0000F87571E3}" /v Restrict_Run /t REG_DWORD /d 
0 /f
Enable gpedit.msc with REG command in cmd


Lava Toon Animation gifNote:สำหรับผู้อ่านที่มีพื้นฐานไม่มาก
- ถ้าคุณเขียนคำสั่งตามปกติ จะเป็นการเขียนแบบ "บรรทัดเดียว" แต่ที่คุณเห็นจากภาพตัวอย่างเป็น 2 บรรทัด ก็เพราะว่า Screen (หรือ จะเรียกว่าหน้าต่างก็ได้) ของโปรแกรม cmd มันมีความกว้างไม่พอ โปรแกรมเลยปัดต่อเป็นบรรทัดที่ 2.เท่านั้นเองค่ะ
- ถ้าคุณอยากรู้ว่าคำสั่งใน cmd ที่ใช้ในการควบคุม หรือจัดการกับ Registry มีอะไรบ้าง ให้พิมพ์ reg/? ในโปรแกรม cmd จากนั้นกด Enter