วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562

How to Test Antivirus & Security Software



วิธีสร้างไฟล์ทดสอบ Antivirus และ เครื่องมือทดสอบโปรแกรมรักษาความปลอดภัย


How to test Antivirus software, Security software

เป็นวิธีการทดสอบ โปรแกรม Antivirus ขั้นพื้นฐาน ว่ามีความสามารถในการดักจับ Virus หรือไม่, Code นี้มีชื่อเรียกว่า EICAR Anti-Malware Testfile, หรือจะเรียกสั้นๆว่า AV-test file ก็ได้ (AV=Antivirus) มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดสอบ โปรแกรม Antivirus และโปรแกรมรักษาความปลอดภัยเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีอันตรายอะไรเลย อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ด้านล่างของเว็บเพจครับ
* ผมขอเรียก(รวมๆ)โปรแกรมมุ่งร้ายทุกรูปแบบว่า Malware ได้ครอบคลุม





A. วิธีสร้าง EICAR Anti-Malware Testfile

1. Copy Code ข้างล่าง Paste ลงใน Notepad Save File ตั้งชื่ออะไรก็ได้ ...จะเห็นได้ว่า Antivirus จะมีการแจ้งเตือนเกือบจะทันทีเมื่อมีการ Save file เรียบร้อยแล้ว
X5O!P%@AP[4\PZX54(P^)7CC)7}$EICAR-STANDARD-ANTIVIRUS-TEST-FILE!$H+H*

2. ถ้า Antivirus ที่คุณใช้ยังไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ ให้คุณทดลองคลิกขวาที่ File. txt > Scan with ... โปรแกรม Antivirus ของคุณ
How to creating EICAR Anti-Malware Testfile

Note: สำหรับคนใช้ Linux, Unix ตามปกติ มัลแวร์ไม่ได้เป็นปัญหาที่พวกเขาสนใจ แต่ถ้าใครอยากทดสอบก็ก็อปลงใน Texe editor ที่คุณใช้อยู่ก็ได้ (Kate, BBEdit etc.)
อย่างที่บอกครับว่า มันเป็นเพียงการทดสอบการทำงานของ Antivirus และ Security Software ขั้นต้นเท่านั้น ถึงแม้ผลการทดสอบ Antivirus จะมีการแจ้งเตือน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสามารถคุ้มครอง คอมพิวเตอร์ของคุณได้หมดทุกเรื่อง เหตุผลก็เพราะว่า


  • Malware ทุกชนิดก็เป็นโปรแกรมชนิดหนึ่ง จะแตกต่างไปจากโปรแกรมทั่วไปก็ตรงที่ Virus ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการทำลาย สร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์เป็นจุดประสงค์หลัก และก็มีผู้สร้าง Malware ขึ้นมาใหม่ทุกวัน ซึ่งถ้าคุณใช้ Antivirus รวมถึงโปรแกรมรักษาความปลอดภัยต่างๆ โดยไม่มีการ Update หรือไม่ค่อยจะรู้เรื่องพวกนี้เ คอมพิวเตอร์ของคุณก็ไม่ปลอดภัยได้เหมือนกัน
  • ไม่มี Antivirus, security Software ตัวไหนที่สมบูรณ์100%,ไม่มีโปรแกรมใดๆในโลกนี้สมบูรณ์แบบ100% เช่นกัน นี่เป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดา และคุณไม่จำเป็นจะต้องไปวิตกจริตจนเกินเหตุด้วย อยากใช้คอมพิวเตอร์อย่างมีเสถียร ทนนาน คุณก็แค่ทำความเข้าใจธรรมชาติของมันให้มากที่สุดเท่านั้นเอง

รู้จัก EICAR

EICAR (the European Institute for Computer Antivirus Research) สถาบันยุโรปเพื่อการวิจัยป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1991 เป็นองค์กรที่มุ่งเน้นส่งเสริม โปรแกรมป้องกันไวรัส การวิจัยและการปรับปรุงการพัฒนาของซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส
EICAR test file (The EICAR Standard Anti-Virus Test File) เป็น file ที่ร่วมพัฒนาโดย2องค์กรคือ EICAR และ CARO(Computer Antivirus Research Organization หรือ องค์กรวิจัยไวรัสคอมพิวเตอร์)
- อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ จากเว็บไซต์ของ EILCAR
- รายละเอียดเกี่ยวกับ EICAR Anti-Malware Testfile อ่านได้จาก
 
Link นี้
ข้อมูลจาก howtogeek.com







B. Comodo HIPS and Firewall Leak Test Suite

เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการตรงจสอบช่องโหว่, จุดอ่อนต่างๆของของ Firewall, ความสามารถของ HIPS และโปรแกรม Antimalware ที่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์ของคุณ

วิธีทดสอบ

Download and test Comodo HIPS and Firewall Leak Test Suite2. คุณจะได้ File CLT.zip > คลิกขวา Extract file (ถ้าคุณใช้ Win 7,8 จะเปิดโดยตรง เหมือนเปิดในโฟลเดอร์ปกติก็ได้)

3. ดับเบิลคลิกที่ clt.exe > จะมี Pop-up โผล่ขึ้นมาแจ้งว่า Do you want the following program...ให้คุณคลิก OK

4. ที่หน้าต่าง Comodo Leak Test ให้คุณคลิก Test > โปรแกรมก็จะทำการวิเคราะห์ และแสดงผลเป็น File.html บนเว็บเบราวเซอร์ตามรูป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ comodo.com ครับ

HIPS คือ...

HIPS (Host-based Intrusion Prevention System) เป็นความสามารถที่มีอยู่ในโปรแกรมกลุ่ม Firewall แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะโปรแกรม Antimalware อื่นๆบางตัวที่ไม่ใช่ Firewall ก็มีเหมือน
อธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุดก็คือ HIPS มีไว้เพื่อตรวจสอบพฤติกรรรมของโปรแกรมต่างๆที่เราติดตั้งไว้ใน OS (ทั้งนี้ก็รวมถึง Registry ด้วย) ว่ามีความปลอดภัยจริงหรือไม่ ก่อนที่เราจะ Run มันจริงๆ, สำหรับรายละเอียดค่อนข้างมาก ให้คุณอ่านได้จาก Link นี้ครับ







Downloadable Firewall Security Tests, Web testing


ผมรีวิวแค่ 2 เครื่องมือก็พอ แต่ความจริงเครื่องมือทดสอบ ระบบรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์มีมากกว่านี้ครับ บาง tool ผมก็ยังไม่ได้ทดสอบ แต่ถ้าใครสนใจจะขยันทดสอบเองก็ดาวน์โหลดได้จาก Link ข้างล่าง





Delete folders from This PC and Navigation pane in Windows 8.1, 10



Delete folders from This PC and Navigation pane in Windows 8.1, 10

วิธีลบ Folders ( Desktop, Documents, Pictures, Downloads, Music, Videos) 
ออกจาก This PC Navigation pane ในวินโดว์ 8.1, 10


How to Delete folders from This PC and Navigation pane in Windows 8.1, 10

OS Support: Windows 8.1, 10
ใน This PC (Computer) ของ Windows 8.1, 10 ได้มีการจัดกลุ่มใหม่เป็น 2 กลุ่ม คือ 
- กลุ่ม Folders 
( Desktop, Documents, Pictures, Downloads, Videos) และ
 
- กลุ่มของ Devices and Drive 
(Hard disk, USB, DVD drives)
ถ้าพูดถึงเฉพาะการใช้งานใน This PC ผมว่ามันก็ให้ความสะดวกในการเข้าถึง ได้ง่ายกว่าเดิมนะ หรือถ้าใครไม่ชอบใช้ เพราะดูเกะกะลูกตา ก็สามารถคลิกที่ traiangle เพื่อยุบ/ขยายได้

แต่เรื่องที่น่าเบื่อที่สุดของการเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้ก็น่าจะเป็นคนที่นิยมใช้ Navigation Pane (Nav Pane) บ่อยๆมากกว่า เพราะเวลาจะเปิดโฟลเดอร์ต่างๆใน Drives มันจะยาวลงไปด้านล่างและจะยิ่งยาวมากขึ้น ถ้าคุณเลือกที่จะใช้งาน Favorites หรือตัวเลือกอื่นๆ

 

วิธีลบ Folders, Desktop, Documents, Pictures, Downloads, Videos


Open regedit


1. กด Windows key + r (เปิด Run) พิมพ์ regedit > OK > Yes
2. เปิดเข้าไปตามคีย์นี้
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\MyComputer\NameSpace

*ข้อแนะนำ*
คุณควร Backup (สำรอง) Reg key ก่อนการลบตามข้อ 3. เผื่อว่าถ้าต้องการคืนค่า Folders ที่ลบไปแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเข้าไปสร้างคีย์ใหม่ในภายหลัง
2.1 วิธี Backup: 
- คลิกขวาที่คีย์ NameSpace 
(2.) > Export 
> เลือกที่เก็บไฟล์ > ตั้งชื่ออะไรก็ได้ > คลิก Save
- หรือ คุณจะคลิกขวาบนคีย์ย่อยตามที่ระบุไว้ในข้อ 3. จากนั้นเลือก Export ไปทีละคีย์ก็ได้ (แต่ผมคิดว่ามันเสียเวลา)

Registry Editor: How to Delete folders from This PC and Nav pane in Windows 8.1, 10

3. คลิกขวาบนคีย์ต่อไปนี้ จากนั้นเลือก Delete
ลบ Music ---------> {1CF1260C-4DD0-4ebb-811F-33C572699FDE} 
ลบ Downloads --> {374DE290-123F-4565-9164-39C4925E467B}
ลบ Pictures ------> {3ADD1653-EB32-4cb0-BBD7-DFA0ABB5ACCA} 
ลบ Videos --------> {A0953C92-50DC-43bf-BE83-3742FED03C9C}
ลบ Documents --> {A8CDFF1C-4878-43be-B5FD-F8091C1C60D0}
ลบ Desktop ------> {B4BFCC3A-DB2C-424C-BO29-7FE99A87C641}
4. เสร็จแล้วให้คุณเปิด This PC ขึ้นมาก็จะเป็นดังรูป (ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนเปลงใดๆ ให้คุณกด F5 เพื่อ Refresh หรือ Sign out)
This PC, Nav pane in Win 8 & Win 10 Insider preview After Delete reg key

File.reg (Backup folders inThisPC & Nav pane)
วิธี Restore (คุณต้อง backup File.Reg ตามข้อ 2.1 ไว้ก่อนแล้ว)
☺ ดับเบิลคลิก File.reg ที่ backup ไว้ > คลิก Yes, โฟลเดอร์ต่างๆใน This PC ก็จะกลับคืนมาเหมือนเดิม




วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

Extract original images from Word, Excel document



 

6 วิธีสำหรับนำภาพต้นฉบับออกจากเอกสาร Word, Excel โดยยังคงคุณสมบัติดั้งเดิมไว้ทุกประการ
สาเหตุ ที่ทำให้การนำภาพประกอบจากในเอกสาร Word, Excel ออกมา Print มักจะทำให้สีเพี้ยนไปจากที่แสดงผลใน Monitor ก็เพราะว่า ...
1. คนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจว่าภาพประกอบในเอกสาร Word, Excel นั้น ต้นฉบับบของภาพใช้โหมดสีอะไร และภาพที่เราพบเห็นส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นโหมด RGB (โหมดแสดงผล) มีน้อยมากที่จะเป็นโหมด CMYK (โหมดพิมพ์) ซึ่งวิธีการแก้ไขก็ต้องนำภาพไปปรับโหมด รวมไปถึงปรับแต่งด้วยโปรแกรมในกลุ่ม Graphic เช่น Photoshop, Gimp หรือถ้าภาพประกอบเป็น Vector ก็ควรนำไปตรวจสอบคุณสมบัติด้วย Adobe Illustrator, CorelDRAW ก่อนการพิมพ์เป็นต้น
2. ภาพที่สามารถนำมาเป็นภาพประกอบในเอกสาร Word, Excel นั้นมีหลายนามสกุลไฟล์ (Extension), แต่ละนามสกุลไฟล์ก็สามารถตั้งค่าคุณสมบัติได้แตกต่างกันออกไป
เช่น *.png ก็จะมีทั้ง png 24, png8 บางภาพก็กำหนดให้พื้นหลังโปล่งใส, ถ้าเป็น *.png8 ก็ยังสามารถกำหนด และควบคุมการแสดงผลของจำนวนสีได้อีกด้วย หรือ...
*.gif สามารถกำหนดคุณสมบัติเหมือนกับ *.png8 ทุกประการ แต่จะเพิ่มความสามารถในการนำไปสร้างเป็นภาพเคลื่อนไหวได้ด้วย (Animition.gif)
3. ภาพประกอบที่มีนามสกุล *.eps, *.wmf สีเพี้ยนแน่นอนครับ แต่มันมีข้อดีก็ตรงที่ถ้านำภาพต้นฉบับออกมา ตามวิธีการข้อ A, B(ข้างล่าง) คุณก็จะได้ภาพ Vector ที่ยังคงแยก Layers และสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบในโปรแกรม Illustrator
4. และเวลาคุณดึงภาพออกมาพิมพ์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตั้งขอสงสัยด้วยว่า...เฮ๊ย! แล้วไฟล์ต้นฉบับของภาพมันเป็นมีนามสกุล (Extension) อะไร?, ใช้โหมดสีอะไร?, เหมาะสำหรับโหมดพิมพ์หรือเปล่า? ...ฯลฯซึ่งวิธีการแก้ไขขั้นแรกที่คุณควรทำก็คือ คุณต้องนำภาพต้นฉบับที่อยู่ในเอกสาร Word, Excel ออกมาก่อนครับ
5. ในการดูภาพในเอกสารจริง ถ้าคุณไม่ใช่คนที่สร้างไฟล์ขึ้นมาเอง คุณก็จะไม่รู้ว่าภาพประกอบนั้นๆมีนามสกุลดั้งเดิมเป็น *.อะไร




*อ่านก่อน*
- ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ปัญหานี้ดูเหมือน Microsoft ก็มีการปรับปรุงแก้ไขทุกครั้งที่มีการปรับรุ่น ของโปรแกรมชุด MS Office, เพราะจะสังเกตได้ว่า ภาพประกอบในแต่ละนามสกุลไฟล์ที่ได้จากการ Save, Copy, Paste, รวมไปถึงวิธีการต่างๆที่จะกล่าวถึงในบทความนี้ ของ MS Word, Excel ในแต่ละรุ่นนั้นให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกันหมดทุกเรื่อง

ตัวอย่าง เอกสาร Word ข้างล่างนี้ วางอยู่ในตารางที่มีพื้นสีเทา และ ใช้ภาพประกอบที่มีนามสกุลไฟล์แตกต่างกันทั้งหมด 11 ภาพ และ ไฟล์ต้นฉบับของแต่ละภาพจะมีขนาดเท่ากันคือ 350 x 350 pixel, บางภาพก็มีการย่อ/ขยาย, ปรับเอียง รวมไปถึงการใช้ Styles ปรับแต่งภาพด้วย
Example extensions image

 


☺ วิธีนำไฟล์ภาพต้นฉบับออกจากเอกสาร Word, Excel 





เลือกทำตามวิธีใดวิธีหนึ่ง ตามความเหมาะสม




A. นำภาพต้นฉบับออกมาใช้ด้วย WinRAR หรือ 7 Zip ดูภาพประกอบตามหมายเลข


1. คลิกขวาบน File.docx หรือ .xlsx ที่คุณต้องการนำภาพออก > Open with > 7zip File Manager หรือ WinRAR archiver(ถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณยังไม่มีตัวเลือก แบบภาพตัวอย่างให้คลิกหาที่ Choose default program...)
Extract original images from Word, Excel  with winrar  or 7Zip 2. ที่หน้าต่าง Winrar หรือ 7 Zip เปิดเข้าไปที่โฟลเดอร์ word
**
ถ้าเป็นไฟล์ Excel ให้เปิดเข้าไปที่ 
xl
3. ลากโฟลเดอร์ media ออกมาวางไว้ที่หน้า Desktop หรือ ที่ โฟลเดอร์ใดๆก็ได้ตามที่คุณต้องการ
- เปิดโฟลเดอร์ media ดูครับ ก็จะมีภาพต้นฉบับอยู่ในนั้น (ภาพจะเรียงลำดับตามที่วางไว้ในเอกสาร Word, Excel)

Extract original images from Word, Excel  with WinRAR  or 7Zip
3. *หรือ* คุณจะเปิดเข้าไปในโฟลเดอร์ media อีกชั้น > กด Ctrl + A > ลากภาพออกมาจาก WinRAR, 7zip หรือ จะลากภาพออกมาทีละภาพก็ได้

เรื่องที่น่าสนใจ: ด้วยความสามารถในการเปิดไฟล์ของ *.docx, *..xlsx ของโปรแกรม WinRAR และ 7 Zip ในลักษณะนี้ คุณก็สามารถนำวิธีการดังกล่าวมาซ่อน ไฟล์ และ โฟลเดอร์ที่เป็นความลับ ให้ฝังเข้าไปในเอกสารได้ด้วย วิธีทำก็ไม่ยาก อ่านได้จาก บทความนี้ครับ Hide file,folder behind Word document.docx & Excel document.xlsx









 

B. ขั้นตอนที่ง่ายกว่า ถ้าคุณใช้ 7zip

7zip จะมีเมนูคลิกขวาเพื่อจัดการกับไฟล์/โฟลเดอร์ได้หลายคำสั่ง ซึ่งง่ายกว่า WinRAR มากทีเดียว, และข้อดีอีกข้อของ 7zip ก็คือ มันเป็น Freeware ครับ, Download มาใช้งานได้ฟรี หมดปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์

วิธีนำภาพต้นฉบับออกมาใช้ด้วย 7zip ก็ดูจาก ภาพตัวอย่างข้างล่างครับ

>> คลิกขวาบน File.docx หรือ *.xlsx ที่คุณต้องการนำภาพออก > 7zip > Extract hear > ดับเบิลคลิกเพื่อเปิดเข้าไปที่โฟลเดอร์ Word (ถ้าเป็นไฟล์ Excel ให้เปิดเข้าไปที่ xl) > media ตามลำดับ ก็จะเห็นภาพทั้งหมดอยู่ในนั้น

Extract original images from Word, Excel document with 7zip








C. นำภาพต้นฉบับออกจาก Word, Excel ด้วยการเปลี่ยนนามสกุลเป็น *.zip แล้วเปิดด้วย Windows Explorer ใน Windows 7, 8, 10

ในขณะที่ผมเขียนบทความอยู่นี้ MS ปล่อย Win 10 รุ่นทดลองที่2 (InsiderPreview) ออกมาให้ Download ได้ประมาณ 4วันแล้วมั๊ง ผมทดลองใช้ดูความสามารถในการเปิด Zip file ก็เป็นแบบเดียวกับ Win 7, 8
วิธีนี้ทำได้ง่าย และไม่ต้องพึ่ง Software แต่ที่ผมนำมาเขียนเป็น ข้อ C.ก็เพราะว่าทุกวันนี้คนที่ยังใช้ XP, Vista ก็ยังมีอยู่ และความสามารถนี้ก็ไม่มีใน XP, Vista ด้วย
Extract original images from word excel document with windows explorer in windows 7,8,10
วิธีทำ (ดูภาพตัวอย่างตามหมายเลข)

1 . เปลี่ยนนามสกุลไฟล์ของ Word, Excel เป็น .zip 
(จะมี Pop-up ขึ้นมาถามเพื่อยืนยันให้ตอบ Yes)

2. Double click ที่ไฟล์ .zip เพื่อเปิดโฟลเดอร์
(หรือคลิกขวา > Open with > Wondows Explorer ก็ได้)

3. เปิดเข้าไปที่โฟลเดอร์ word 
(ถ้าเป็น Excel จะชื่อ xl)

4. ลากโฟลเดอร์ที่ชื่อ media มาวางที่ Desktop หรือ ที่ไหนก็ได้ตามต้องการ, ภาพประกอบทั้งหมดจะอยู่ในนั้น




Note วิธีการตั้งแต่ข้อ A, B, C.
- ภาพประกอบที่มีนามสกุลเป็น *.eps (Vector) จะถูกเปลี่ยนนามสกุลไฟล์เป็น *.wmf (Vector เช่นกัน) ซึ่งคุณสามารถนำไปปรับแต่ง, แก้ไขได้ด้วย Illustrator โดยยังคงมีคุณสมบัติของการแยก Object และ Layers อยู่เหมือนเดิม แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ สีเพี้ยนไปครับ
- ภาพประกอบที่เป็น Animation.gif (ภาพเคลื่นไหว) จะยังคงมีคุณสมบัติเหมือนเดิม






 

D. นำภาพต้นฉบับออกจาก Word โดยการเปลี่ยนนามสกุลไฟล์จาก *.docx ไปเป็น Web page, Filtered (*.htm, *.html)

Note:
- โปรแกรม Excel ( *.xlsx ) ไม่มีตัวเลือกนี้ครับ (แนะนำให้ใช้วิธีการตามข้อ A, B) 
- วิธีการนี้ ไม่เหมาะสำหรับการแยกภาพประกอบที่เป็น Vector เช่น *.eps,
 *.wmf เพราะโปรแกรมจะแปลงภาพให้กลายเป็น *.png

วิธีทำ ดูภาพประกอบตามหมายเลข
1. ในเอกสาร Word > ถ้าภาพประกอบมีการปรับแต่งไม่ว่าจะเป็น Styles, , Effects หรืออื่นๆ ที่เป็นเป็นการปรับแต่งด้วยความสามารถของ Word ให้คุณคืนค่าของภาพทั้งหมดก่อน (Reset Picture & Size)
** แต่ถ้าคุณต้องการภาพที่มีลักษณะเหมือนกับที่เห็นในเอกสารอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องคืนค่าก็ได้
Example extensions images
2. คลิกที่ File > Save as > เลือก Directory (ที่เก็บ File, Folder) > ที่ตัวเลือกSave as type เลือกเป็น Web page, Filtered(*.htm, *.html)
Change file extension to bring back original images in word
Word html file3. เปิดเข้าไปดูในโฟล์เดอร์ที่ Save ไว้ครับ จะเห็นว่าภาพต้นฉบับทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในนี้ โดยยังคงมีนามสกุล และขนาดของไฟล์ ที่เหมือนต้นฉับ
ข้อสังเกต
- ถ้าภาพประกอบมีนามสกุลเป็น *.eps, *.wmf โปรแกรมจะแปลงนามสกุลไปเป็น *.png ให้โดยอัตโนมัติ 
- ถ้าภาพประกอบ Vector นั้นๆมีพื้นหลังโปล่งใส (Transparence background), ไฟล์ภาพ *.png ที่ Save นั้นก็ยังคงมีพื้นหลังที่โปล่งใสอยู่เหมือนเดิม







E. การใช้คำสั่ง Save as Picture... ใน MS Word

คำสั่ง Save as Picture... เหมาะสำหรับการนำไฟล์ภาพต้นฉบับออกมาใช้ทีละภาพครับ แต่ก็มีข้อควรจำอยู่ว่า...
MS Word  save as picture1. Save as Picture... เป็นคำสั่งที่เพิ่มเข้ามาตั้งแต่ MS Word 2010, ฉะนั้นถ้าคุณใช้รุ่นที่เก่ากว่าก็ไม่มีคำสั่งนี้ และ ใน Excel ก็ไม่มีคำสั่งนี้เช่นกัน
2. ก่อนการ Save คุณไม่จำเป็นต้องคืนค่า Styles, Effects ใดๆ (ไม่ต้อง Reset Picture & Site) ** ผมทดลองเฉพาะ Word 2010 และ Word 2013, สำหรับรุ่น 2007 กับ 2003 ผมจำไม่ได้แล้ว
3. ในการ Save โปรแกรมจะเลือกนามสกุลดั้งเดิมให้อัตโนมัติ, ถ้าคุณต้องการภาพต้นฉบับจริงๆก็ไม่ควรเปลียนนามสกุลไฟล์
4. ถ้าภาพประกอบมีนามสกุลเป็น *.eps, *.wmf โปรแกรมจะแปลงนามสกุลไปเป็น *.pngให้โดยอัตโนมัติ (ไม่มีคุณสมบัติของ Vector file อีกต่อไป) และถ้าไฟล์นั้นมีพื้นหลังโปร่งใส *.png ที่โปรแกรม Save ให้ก็ยังจะโปร่งใสเหมือนเดิม 
5.
 ถ้าภาพประกอบเป็น Animation.gif (ภาพเคลื่อนไหว) โปรแกรมก็จะ Save เป็น Animation.gif ให้เช่นกัน แต่ ภาพเคลื่อนไหวนั้นจะทำงานเพียงรอบเดียวแล้วหยุดไป (ตามปกติ Animation.gif มักจะกำหนดให้เคลื่อนไหวแบบวนซ้ำๆมากกว่า)









Copy image form MS Word to photoshopF. การใช้คำสั่ง Copy ใน MS Word จากนั้นนำไป Paste ในโปรแกรมจัดการกับภาพ

วิธีการนี้ผมไม่แนะนำ เพราะมีข้อเสียค่อนข้างมาก (แต่ถ้าคุณไม่สนใจรายละเอียดอะไรมากมายก็สามารถทำได้)
ไม่ว่าคุณจะใช้คำสั่ง Copy (Ctrl+C) จากนั้นนำไป Paste ( Ctrl+V ) ในโปรแกรมจัดการภาพอะไรก็แล้วแต่ เช่น Photoshop, Paint, Illustrator, Gimp, ฯลฯ ก็จะได้ผลลัพธ์ตามนี้
1. คุณจะไม่มีโอกาศได้รู้ว่าภาพต้นฉบับนั้นมีนามสกุลดั้งเดิมเป็น *.อะไร?
2. ถ้าภาพประกอบมีการย่อ/ขยาย, ปรับแต่ง Styles, Effects หรืออื่นๆ และคุณไม่ได้ใช้คำสั่ง Reset Picture & Size ภาพที่ได้จากการ Paste ก็จะมีขนาดเล็ก/ใหญ่ และ รูปแบบตามที่เห็นใน Word ทุกประการ
3. ภาพที่มี Background โปร่งใส: เมื่อใช้คำสั่ง Copy/Paste จะได้ภาพที่มี Background เป็นสีขาวแทน
4. ภาพประกอบที่เป็น Vector จะกลายเป็นภาพ Bitmap
5. ภาพที่เป็น Ainmation.gif ก็จะกลายเป็นภาพนิ่งธรรมดา