วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

How to permanently disable windows update: ปิดการตั้งค่า windows update แบบถาวร


 

How to permanently disable windows update

ปิดการตั้งค่า windows update แบบถาวร

How to permanently Disable windows update(Corpse bride)
ในการปิดWindows update บางท่านอาจจะคิดว่าก็แค่เข้าไปปิดใน Control panel จากนั้นก็เข้าไปเลือก Disable ใน Servics.msc หรือบางคนก็ไปปิดใน msconfig ที่ ServicesTab แค่นั้นก็จบ แต่...ในความเป็นจริงมันไม่อย่างนั้นครับ Windows System มีวิธีการคืนค่าของมัน หรือถ้า Windows มันไม่คืนค่าเองก็มีข้อเสียตรงที่ อาจมีมือดี มาเปิดมันขึ้นมาได้แบบง่ายๆ
คงไม่ต้องมาอธิบายกันมากนะครับว่า ทำไมเราถึงต้องปิด, ถ้าปิดแล้ว Microsoft จะให้เหรียญกล้าหาญ,รางวัล Nobel prizes อะไรรึเปล่า?... เอ๊ะ!? หรือว่า. .? จะได้รับรางวัล เป็น Net book ยี่ห้อผลไม้นิสัยเสีย ...ผู้เขียนคิดว่าหลายท่านคงมีคำตอบในหัวอยู่แล้วมั้งครับ
* ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ใช้งาน Windows แบบ Multi OS แล้วเจอปัญหาโลกแตกเกี่ยวกับ Windows is not Genuine(วินโดว์ไม่ใช่ของแท้...) เสนอหน้ามาให้คุณเห็นบริเวณขอบล่าง/ขวา ของหน้าจอ(อะไรกัน?..ก็ว่ามี Windows Loader กับ ป๊ำแผ่นมาเนียนสุดแล้วนะ ไหงแจ้งหมดอายุซะงั้น) ลองทำตาม Review นี้ดูครับ

นอกเรื่องแต่ก็อยากให้อ่าน
โดยส่วนตัวผมสนับสนุนให้ทุกคนใช้ Free ware และ Software ที่ถูกลิขสิทธิ์
ทุกวันนี้โลกComputer, Software เปลี่ยนไปมาก ของฟรีดีๆมีอยู่ในโลกจริง ผู้ผลิต Freeware ที่เขาเต็มใจให้เราใช้โดยไม่คิดมูลค่า(และมีคุณภาพด้วย) ก็มีจนนับไม่ถ้วน แต่...ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องใช้ Software ประเภทผิดลิขสิทธิ์ละก็ ผมก็อยากจะบอกว่าให้ใช้เท่าที่จำเป็นก็พอ มันไม่ดีใครๆก็รู้ แต่ถ้าจะให้มาต่อต้านอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมคงไม่ทำเพราะคนใช้ Computer แต่ละคนก็ไม่ได้จะร่ำรวยเหมือนกันหมด



วิธีการปิดการตั้งค่า Windows update แบบถาวร


windows_-button ถ้าคุณมีพื้นฐานเกี่ยวกับ Windows System และ Registry ดีอยู่แล้วให้ทำตามนี้เลย (ไม่จำเป็นต้องอ่าน Review อย่างละเอียดก็ได้)

1. ให้คุณเข้าไปปิดWindows Update ใน Control Panel ก่อนครับ
2.เข้าไป ปิด Windows update ใน Services.msc หรือ System Configuration (msconfig) คุณจะเลือกปิดทางไหนก็ได้ให้ผลลัพธ์เหมือนกัน 
* แต่มันต่างกันตรงที่ สมมุติว่า..คุณยังไม่ได้ปิด Windows update ทั้งใน Services.msc และ msconfig

triangle ถ้าคุณเลือกปิด Windows updateใน msconfig ที่ Services Tab ก่อน (โดยการเอาเครื่องหมายถูกออกจาก check box) Windows update ใน Services.msc ก็จะถูกปิดไปด้วย (มีค่าเป็น Disable แต่...)
triangle[1] ถ้าคุณเลือกปิด Windows update ผ่านทาง Services.msc ก่อน (Clickขวาที่ Windows Update > properties ที่ Start up type : เลือก Disable) ตัวเลือกของ Windows update ใน msconfig ที่ Services Tab จะถูกปิดเช่นเดียวกัน และที่สำคัญ ตัวเลือกนี้จะหายด้วยครับ *ผู้เขียนแนะนำว่า ปิด Windows update ผ่านทาง Services.msc จะดีกว่าเพราะป้องกันมือดีเข้ามาแก้ไข Windows update ที่ Services Tab ของ msconfig ในภายหลังได้ด้วย
3. Copy Code จากตารางข้างล่างนี้ลงใน Notepad จากนั้น Save เป็นไฟล์.reg จากนั้น Double click เพื่อ Import reg หรือ คลิกขวาเลือก Merge ก็ได้
Windows Registry Editor Version 5.00
[HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\WindowsUpdate]
"DisableWindowsUpdateAccess"=dword:00000001
"DisableWindowsUpdateAccessMode"=dword:00000000
Creating Disable windows Update.reg

- เสร็จแล้ว ให้เข้าไปดูตัวเลือกต่างๆของ Windows update ใน control panel อีกครั้ง ดูภาพเปรียบเทียบ ก่อน และ หลังการแก้ไข Registry ที่ Pic 5.ข้างล่าง







windows_-button[1] วิธีการปิดการตั้งค่า Windows update แบบถาวร Review อย่างละเอียด, อธิบายเป็นส่วนๆ


A. ปิด windows update ใน Control Panel.

Type wuapp in Run Dialog & Press Enter or Click OKวิธีเปิด หน้าต่างการตั้งค่าWindows update (เลือกทำตามข้อไหนก็ได้)
วิธีที่1. แบบง่าย
กด Windows key + r (Run Dialogbox จะปรากฏขึ้น) >
พิมพ์คำว่า 
wuapp > กด Enter
วิธีที่2. แบบปกติ
ให้คุณคลิกขวาที่หน้า Desktop > Personalize > ที่ตัวเลือกด้านบน-ซ้าย คลิก Control Panel Home
- ที่ Address bar ของหน้าต่าง Control Panel ให้คุณ Click 01 All Control Panel Items (ดูรูป)
 Control Panel > All control Panel Items จากนั้นคลิกที่ Windows update (ตัวเลือกสุดท้าย)

ที่หน้าต่างของ Windows Update > คลิกเลือก Change settings (อยู่ด้านบน-ซ้าย. ไม่มีภาพประกอบครับ)
Windows Update Change settings choice (in Windows 7)- ที่หน้าต่าง Change settings (Pic 1.) หัวข้อImportant update ให้คุณคลิกเลือกเป็น Never check for update (not recommanded) (1.)
- Recommended update(2.) ◘ Give me recommended update the some way I receive important update
ตรงนี้
ผมแนะนำว่าให้คุณใส่เครื่องหมายถูก ไว้ก่อนครับ แต่ถ้าคุณไม่เลือกก็ไม่มีผล เพราะว่า ความหมาย ของมันก็คือ ถ้า Windows มี File update ก็ให้แจ้งเตือน และ ต้องให้เรารับรองก่อนถึงจะ Update ได้ และที่ผมบอกว่าตรงนี้มันไม่มีผลก็เพราะว่า คุณเลือก Never check for update... ไปแล้ว และเรายังจะปิดการตั้งค่า Windows update แบบถาวร ใน Registry อีกชั้นหนึ่ง
- Who can Install updates(3.) ◘ Allow all users to install updates on this computer : ถ้า Windows ของคุณมีเครื่องหมายถูกอยู่ ให้เอาเครื่องหมายถูกออกครับ เพราะว่า ถ้าคุณเลือกข้อนี้ ก็เท่ากับ ยอมให้ทุก Users สามารถติดตั้ง File update ได้หมด ...ตั้งค่าเสร็จแล้วกด OK






 

B. ปิด windows update ใน services.msc




Disable Windows update in services.msc
1. ให้คุณเปิดเปิด Services.msc ขึ้นมา
กด Windows Key + r (Run Dialog box ) > พิมพ์ services.msc กด OK
2. ที่หน้าต่าง services.msc > ให้คุณคลิกขวาที่ Windows update เลือก properties > General Tab ที่ตัวเลือก Start type : เลือกเป็น Disable (Pic 2.)
3. Recovery Tab ตรงนี้ เป็นส่วนที่จะให้คุณเลือกว่าในกรณีที่ Services ตัวนั้นๆเสียหาย หรือเกิดอาการขัดข้องอย่างใดอย่างหนึ่ง คุณจะให้ระบบขานรับอย่างไรบ้าง ตัวเลือกทั้งหมดในกรอบสีส้มให้คุณเลือกเป็น Take No Action และที่ Reset fail count after: ให้คุณใส่เป็น 0 days เสร็จแล้วกด OK ปิดหน้าต่าง Services ได้เลยครับ






C. ปิดการการตั้ง windows update ใน Registry

* ถ้าไม่อยากเสียเวลา คุณจะใช้วิธีการ Import Reg ตามตาราง"สีเทา" ข้างบนก็ได้ (อ่านที่ ข้อ3. Copy Code จากตารางข้างล่างนี้ลงใน Notepad.......) หรือ ถ้าต้องการจะเข้าไปศึกษาระบบของ Registry ก็อ่านต่อ
1. เปิดโปรแกรม Registry Editor : กด Windows Key + r > Run > พิมพ์ regedit > OK > Yes, 
Win 7 พิมพ์ regedit ที่ช่อง Start search ก็ได้, ถ้าเป็น Win8 ก็พิมพ์ regedit ที่ Start search


2. ไปตาม Key นี้ HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\WindowsUpdate
Disable Windows update in regedit (Edit New key)

* ถ้าคุณไปถึง key Policies และ ไม่มี key ย่อยที่ชื่อ WindowsUpdate ก็ให้สร้างขึ้นมาใหม่วิธีการก็คือ คลิกขวา ที่ Key Policies เลือก New triangle(white) Key (Pic 3.) จากนั้นตั้งชื่อเป็น WindowsUpddate (pic 4.)
Creat New dword(32bit) value
3. ที่ Key WindowsUpdate (pic 4.) ให้คุณสร้าง DWORD Value ขึ้นมา 2ค่าครับ วิธีการก็คือ คลิกขวาที่ Column ด้านขวา เลือก New > DWORD (32bit) Value โดยที่.
- DWORD Value ที่1. ตั้งชื่อเป็นDisableWindowsUpdateAccess จากนั้น Double click เพื่อใส่ Value data = 1
- DWORD Value ที่2. ตั้งชื่อเป็น 
DisableWindowsUpdateAccessMode Double click เพื่อใส่ Value data = 0 เสร็จแล้วปิดโปรแกรม Registry Editor

จากนั้นให้เข้าไปดูตัวเลือกต่างๆของ Windows update ใน control panel อีกครั้ง ดูภาพเปรียบเทียบ ก่อน/หลังการแก้ไข Registry(Pic 5.)

Windows update Before & after Edit reg

* เพื่อเป็นการตรวจสอบ อีกทางหนึ่ง

รอบคอบไว้ก่อนไม่เห็นเป็นไร.... อีกจุดหนึ่งที่เราสามารถตรวจสอบ Windows update (การตรวจสอบ Update ของโปรแกรมอื่นๆก็าสมารถใช้วิธีนี้ได้) คือ เวลาที่เครื่องของคุณเชื่อมต่อ Internet หรือไม่ต่อก็ได้ ให้คุณคลิกขวา ที่ Task bar > คลิก Start Task Manager (หรือ กด Ctrl + Ship + Esc) ที่หน้าต่าง Windows Task Manager > คลิกที่ Services Tab > ให้คุณมองหา Service ที่ชื่อ wuauserv ดูที่ช่อง Status ว่าเป็น Stoped หรือ Runing และ ถ้าเป็น Runing ให้คุณคลิกที่ ปุ่ม Services เพื่อเปิด หน้าต่าง Services จากนั้นก็ให้ตรวจสอบแก้ไขตามข้อ B. อีกที
รายละเอียดปลีกย่อย ที่น่าสนใจ
triangle[2] การปิด Windows update โดยใช้ Registry นั้น สามารถสกัดกั้นการเปลี่ยนแปลงตั้งค่า Windows update ใน Control panel ได้หมด. แต่ เรายังสามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า Windows update ใน Services.msc ได้อยู่ดี ..ในข้อนี้ เท่าที่ผมทดลอง ไม่ว่าจะเลือก disable Windows update ใน Services.msc หรือไม่ก็ตาม เพียงแค่คุณปิด windows update ใน control Panel แบบชัวร์ๆ จากนั้นเข้าไปแก้ไข หรือ Import Registry ตามที่ผมอธิบายมา Windows update ก็จะไม่ทำงานอีก แต่การปิด Windows update ใน Services.msc ก็เพื่อกันเน่าไว้ก่อนเป็นดีที่สุด
triangle[3] ความคิดเห็นส่วนตัวของผม ในการแก้ไข Registry ตามวิธีการขั้นต้นนั้น มันเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบของ Windows จากภายในเพื่อให้ส่งผลลัพธ์โดยตรงกับภายนอก ซึ่งแตกต่างจาก การเข้าไปเปลี่ยนแปลงค่าใดๆ ใน msconfig หรือ Services.msc ในลักษณะนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงค่าต่างๆของ Windows แค่ผิวเผินเท่านั้นเอง มันมีผลกับ Reg เหมือนกัน แต่ในเมื่อข้อมูล หรือคำสั่งใน Registry อยู่เหนือ Configuration การแก้ไขในจุดนี้ Windows จึงยึดเอาคำสั่งใน Registry เป็นหลัก
triangle[4] ถ้าคุณอยากรู้ว่า Services ตัวไหนทำหน้าที่เกี่ยวกับอะไร วิธีการก็คือให้คุณเลื่อน Mouse ไปวางเหนือช่อง Description ของ Services ตัวนั้นๆครับ
triangle[5] Services ตัวอื่นๆที่คุณสามารถปิดได้ ถ้าคุณไม่ได้ใช้ หรือ ไม่ต้องการให้มันทำงานอยู่เบื้องหลัง ให้เปลืองทรัพยากรเครื่องโดยใช่เหตุ
- BitLocker Drive Encryption Service : โปรแกรมที่ใช้สำหรับเข้าระหัส Hard drive (ไม่เข้าท่าเลย..เต่าเป็นง่อยยังจะเดินได้ไวกว่ามานั่งรอ BitLocker ทำงานซะอีก (สนใจวิธีการ  ซ่อน และล็อค File,Folder & Drive แบบไม่ใช้โปรแกรม ก็สามารถคลิกอ่านได้จากบทความชุดนี้ มีหลากลายวิธีการให้คุณเลือก)
- Remote Desktop Services : ใช้สำหรับ เชื่อมต่อ และ ควบคุมเครื่องระยะไกล
- TabletInputService : เครื่องแท็บเล็ทครับ ถ้าไม่ได้ใช้ก็ปิดเลย
- Media Center Extender Service , Windows Media Center Receiver Service , Windows Media Center Scheduler Service , Windows Media Player Network Sharing Service , Windows Firewall
triangle[6] Services ตัวอื่นๆที่นอกเหนือจากที่ผมได้ยกตัวอย่างมาคุณจะทดลองปิด หรือเลือก Start type: ตัวอื่นๆเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน ก็ได้เหมือนกัน กล่าวคือ ถ้าคุณปิดแล้วโปรแกรม หรือ Windows มีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง คุณก็แค่กลับไปคืนค่าให้เป็นแบบเดิมซะ หรือ ถ้าปิดแล้วไม่มีปัญหาอะไร ก็ปิดตลอดไปเลยก็ได้
Sexy Girl:Funny animation.giftriangle[7] Services ที่ทำงานอยู่เบื้องหลังของระบบ Windows นั้นมีมากว่าที่คุณเห็นใน Task Manager และ Services.msc นะครับ แต่ส่วนใหญ่ Services ที่วินโดว์ซ่อนเอาไว้จะเป็น Services ที่มีความจำเป็นต่อระบบ และ มีลักษณะการทำงานที่ตายตัว(ไม่จำเป็นต้องตั้งค่า) แต่ ถ้าคูณต้องการจะควบคุม Services ได้ครอบคลุมทุกตัวจริงๆ ก็ต้องควบคุมผ่าน Registry ตาม Root key นี้ครับHKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\services ตรงนี้ผมยังไม่อธิบายรายละเอียด เพราะจะยืดเยื้อยาวเหยียดจนเกินงาม (เพิ่งจะรู้ตัวเหรอ?) เอาไว้แยก หัวข้อเขียนต่างหากดีกว่า แต่เอ่อ!!....ตกลงนี่ผมเขียนเรื่อง Disable windows update หรือเรื่อง Services กันแน่ครับเนี่ย?...



ไม่มีความคิดเห็น :