วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เรื่องของสายเคเบิลส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ทใต้ทะเล กับข่าวที่รัสเซียจะตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ททั่วโลกมีความเป็นไปได้ขนาดไหน

 

เรื่องของสายเคเบิลส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ทใต้ทะเล 
กับข่าวที่รัสเซียจะตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ททั่วโลกมีความเป็นไปได้ขนาดไหน

Submarine
ถ้าพูดกันแบบไม่เอนไม่เอียงก็ต้องบอกว่ามันเป็นข่าวเชิงสันนิษฐานที่มีมูลข่าวหนึ่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าแหล่งข่าวมันก็มาจากสหรัฐฯเพียงด้านเดียว ส่วนจะมีมูลมากน้อยขนาดไหน หรือมันจะมีอะไรที่มากกว่านี้ก็หาอ่านเพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ท หรือจะเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก Link ข้างล่างของเว็บเพจที่ผมแปะไว้ก็ได้
Submarine Cable (Internet Cable under the Sea)
คุณสามารถดูแผนที่แบบย่อ/ขยายได้อย่างละเอียดได้ที่ www.submarinecablemap.com


วันที่ 25 ตุลาคม 2015 หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า เอเจนซีส์ – เรือดำน้ำและเรือสอดแนมของรัสเซียแล่นเฉียดสายเคเบิลใต้ทะเลซึ่งใช้สำหรับส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ซึ่งทำให้กองทัพและหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เกรงว่า เครือข่ายเคเบิลสื่อสารเหล่านี้อาจตกเป็นเป้าหมายโจมตีของมอสโกหากสงครามปะทุขึ้น
ถึงสหรัฐฯจะไม่มีหลักฐานยืนยันว่ารัสเซียมีแผนดังกล่าวจริง แต่เสียงสะท้อนเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นถึงความหวาดระแวงที่อเมริกาและชาติพันธมิตร มีต่อการขยายบทบาททางทหารของรัสเซีย
Undersea cable us pacific fleet
นิวยอร์กไทม์สชี้ว่า ผู้บัญชาการทหารเรือและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ กำลังจับตาความเคลื่อนไหวของเรือดำน้ำ และเรือสอดแนมรัสเซีย บริเวณแนวสายเคเบิลซึ่งทอดจากทะเลเหนือไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และน่านน้ำที่อยู่ใกล้สหรัฐฯ หากประเทศใดก็ตามคิดจะป่วนการทำงานของเครือข่ายเคเบิลสื่อสาร ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่เนื่องจากภารกิจของเรือดำน้ำจัดเป็นข่าวกรอง เราจึงไม่ขอเผยรายละเอียด” วิลเลียม มาร์กส โฆษกผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯกล่าว

Internet cable under the seaเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับสายเคเบิลใต้ทะเล

- สายเคเบิลใต้ทะเลเรื่มมีการสร้างขึ้นในยุค 1850 (พ.ศ. 2394) , ผมอ่านใน mentalfloss.com เขียนว่าเริ่มมีการติดตั้งครั้งแรกในปี 1854 (พ.ศ. 2398) แรกเริ่มตอนนั้นมันเป็นสายเคเบิลที่ใช้สำหรับส่งสัญญาณโทรเลขข้ามหาสมุทรแอตแลนติก ที่เชื่อมต่อแคนาดากับไอร์แลนด์ รายละเอียดเพิ่มเติมทางประวัติศาสตร์สามารถอ่านได้ที่ mentalfloss.com และ en.wikipedia.orgครับ
ถ้าเทียบเป็นปีพ.ศ. ให้เกิดการเปรียบเทียบกับสังคมสยาม 1850 = พ.ศ. 2394 ก็เป็นปีสุดท้ายที่ ร. 3 (พระนั่งเกล้า) ครองราชย์ 21/7/ พ.ศ. 2367 – 2/04/ 2394
1854= พ.ศ. 2398 ก็อยู่ในยุคต้น ร.4 (พระจอมเกล้า) ครองราชย์ พ.ศ. 2393 - 2411

- ข้อมูลจาก Managerเครือข่ายเคเบิลใต้ทะเลถูกใช้ในการทำธุรกรรมทั่วโลกคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน และเป็นช่องทางส่งผ่านสัญญาณสื่อสารทั่วโลกมากกว่า 95%

- ข้อมูลจาก Voicetv ในปัจจุบัน 99% (wired.com ก็บอก 99% เหมือนกัน) ของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั่วโลกทำผ่านสายเคเบิลใต้ทะเลเหล่านี้, มีเพียง 1% เท่านั้นที่ทำผ่านดาวเทียม ด้วยเหตุนี้หากสายดังกล่าวถูกตัด ก็เท่ากับว่าอินเตอร์เน็ตเกือบทั้งโลกจะใช้การไม่ได้ โดยสายเคเบิลใต้ทะเลมี 278 เส้น เส้นที่ยาวที่สุดยาวกว่า 20,000 กิโลเมตร จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการเฝ้าระวังการทำลายสายเคเบิลเหล่านี้

- สายเคเบิลใต้ทะเลแม้จะมีความคงทน แต่ก็มีโอกาศถูกทำลายได้ ไม่ว่าจะโดยภัยธรรมชาติ, สมอเรือ, หรือแม้แต่การตั้งใจทำลายโดยฝีมือมนุษย์เอง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯกังวลกลับไม่ใช่การลักลอบทำลายสายเคเบิล แต่คือการที่รัสเซียอาจจะกำลังพยายามดักฟังหรือขโมยข้อมูลการสื่อสารจากสายเคเบิล ซึ่งอาจจะอันตรายยิ่งกว่าการที่อินเทอร์เน็ตในประเทศหนึ่งจะล่มลงเสียอีก
ทำไมถึงมีข่าวนี้:
ก็ไม่แปลกที่อเมริกาจะออกมากระจายข่าว เพื่อเป็นเหมือนการเตือนให้รัสเซียได้รู้ว่า...เฮ๊ยยย! อย่าเชียวนะ อย่าแม้แต่จะคิด เพราะเค้ามองเห็นแล้วนะตะเอง อะไรทำนองนี้, รัสเซียก็จะได้รู้ตัว ล้มเลิกแผนการ แล้วกลับไปนั่งคิดหาข้อแก้ตัวเนียนๆไปอ้างกับอเมริกา หรือถ้ารัสเซียไปทำภาระกิจอื่นที่นอกเหนือจากที่โดนกล่าวหา ก็จะได้โต้ข่าวกลับ อย่างเช่น…  ไรว้าาา!...นี่พวกเราก็แค่แวะไปจอดขี้จอดเยี่ยวแถวๆนั้น แบบเดียวกับที่พวกรถทัวร์เดินทางใกลเขาทำกันเท่านั้นเอง แหม๋! ทำเป็นวี๊ดว็ายกระตู้ฮู้กันไปได้...อะไรก็ว่ากันไป
แต่บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่า สหรัฐฯอาจจะระแวงมากเกินไปก็ได้ เพราะถ้าจะพูดกันให้แฟร์ๆ แบบไม่ต้องไปยัดเยียดความเป็นผู้ร้ายให้กับรัสเซียจนเกินเหตุ (อย่าลืมว่าผมเองก็หาข่าวจากทางสหรัฐเพียงฝ่ายเดียวเหมือนกัน) ถ้านับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน สหรัฐฯกับชาติพันธมิตรเอง โดยเฉพาะคู่ขาอย่างอังกฤษ ก็เป็นตัวขี้ขโมยข้อมูล แอบส่องเรื่องราวของชาวบ้านชาวช่องเขา ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ารัสเซียเหมือนกัน จะต่างกันก็แค่สหรัฐฯ สร้างภาพตัวเองไว้สวยหรูว่าเป็นพระเอกของโลกก็เท่านั้น

** โดยธรรมชาติ มันไม่มีอะไร หรือใครที่จะเป็นขาวเป็นดำ หรือดี/ชั่ว ร้อยเปอร์เซ็นเพียงด้านเดียวหรอก เรื่องหนึ่งเรื่อง, คนหนึ่งคน, หรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็ต้องมีหลากหลายมุมมอง ดีร้าย ปะปนกันไปเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าใครที่อยากจะเห็นฝ่ายดี ฝ่ายขั่วได้อย่างชัดเจนมันก็มีแต่ในละครเน่าๆหลังข่าว กับมายาคติแบบตื้นๆขุ่นๆในเรื่องคนดีคนชั่วของพี่ไทยผู้ที่ยังหลงใหลวิถีวัฒนธรรมยุคฟอสซิลไม่เคยสร่างเท่านั้นแหละครับ


Credit และเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง

  


ไม่มีความคิดเห็น :