วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

Disable/Enable regedit&cmd. (Compare setting in gpedit & regedit): ปิด และเปิดการใช้งาน regedit, cmd (เปรียบเทียบการตั้งค่าใน gpedit และ regedit)


 

Disable/Enable...Contents
1. Disable & Enable regedit, cmd 
(Compare setting in gpedit & regedit)
2. Disable & Enable gpedit.msc 
with File.reg, Registry
 Editor & cmd
3. Disable & Enabl Run  (Compare setting in gpedit & regedit) 4. Disable & Enable Task Manager with batch file, reg file, Registry editor & gpedit.msc
5. Open Administrator Account to Troubleshoot some problems of windows


Disable/Enable regedit&cmd (Compare setting in gpedit & regedit)

ปิด และเปิดการใช้งาน regedit, cmd (เปรียบเทียบการตั้งค่าใน gpedit และ regedit)

Disable & Enable regedit, cmd  Compare setting in gpedit & regedit (Larva Toon)ถ้าคุณใช้ Computer แบบส่วนตัว หรืออาจจะใช้งานร่วมกับคนอื่นเพียงไม่กี่คน
การปิดโปรแกรม regedit.exe(Registry Editor), gpedit.msc(Group Policy), cmd.exe(Command Prompt), run(Run dialog), taskmgr.exe(Task Manager) หรือ โปรแกรมที่ติด Windows อีกหลายๆตัว
นั้น โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันไม่มีประโยชน์สาระอะไรเลย ให้ผลเสียมากกว่าผลดี และ ผมก็ไม่แนะนำให้ปิดด้วย
แต่ถ้าเป็น Computer ที่ใช้งานแบบสาธารณะ การปิดโปรแกรมพวกนี้ก็พอจะมีประโยชน์ในเรื่องของการป้องกันการเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือเพื่อความปลอดภัย

จุดประสงค์ของบทความชุดนี้ก็เพื่อ แนะนำวิธีการแก้ปัญหาในกรณีที่คุณไม่สามารถ
เปิดใช้งานโปรแกรม หรือส่วนติดต่อต่างๆตามหัวเรื่องไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติมากกว่าครับ

สาเหตุหลักที่จะทำให้คุณใช้งานโปรแกรมเหล่านี้ไม่ได้ก็มีอยู่เพียง 3 กรณีคือ
- โดน Malware เล่นงาน 
- คนอื่นที่อาจเป็นเพื่อนร่วมงานของคุณเป็นคนปิด หรือ
- คุณมีเจตนาปิดซะเอง

A. ปิด/เปิด การใช้งาน regedit.exe, cmd.exe ด้วยการตั้งค่าใน gpedit (Local Group Policy Editor)

Disable & Enable regedit, cmd with gpedit.msc

1. เปิดโปรแกรม Local Group Policy Editor : 
- กด Windows key + r > พิมพ์ gpedit.msc > Ok 
- หรือคุณจะพิมพ์ gpedit.msc ที่ Address bar จากข้างใน Folder อะไรก็ได้ จากนั้นกด Enter

2. ที่หน้าต่างของโปรแกรม gpedit (ในตัวอย่างของผมใช้ Standard View) ให้คุณคลิกเข้าไปตาม Path นี้
User Configuration > Administrative Templates > System.

3. ที่ Colum ด้านขวา ให้คุณ Double click ที่ ตัวใดตัวหนึ่งที่คุณต้องการจะปิด

3.1 ปิดการใช้งาน cmd = 
gpedit_icon
Prevent access to the command Prompt
3.2 ปิดการใช้งาน regedit =
gpedit_icon[1] Prevent access to registry editting tools

...ในตัวอย่าง (Pic 1.) จะเป็นการปิดใช้งานโปรแกรม Regedit , ถ้าคุณต้องการปิด cmd ก็ใช้วิธีการแบบเดียวกัน

4. ที่ Prevent access to registry editting tools Dialog box ให้คุณเลือกเป็น  Enabled จากนั้นคลิก Ok
* ถ้าคุณอยากรู้ว่าการตั้งค่าของตัวเลือกนั้นๆ สามารถนำมาใช้งานกับ Windows รุ่นไหนได้บ้างให้คุณดูที่ Support on * ถ้าคุณอยากรู้ว่าการตั้งค่าของตัวเลือกนั้นๆจะให้ผลลัพธ์อย่างไร ให้คุณอ่านที่ Help ตั้งค่าเสร็จแล้วก็ปิด gpedit ได้เลย
5. สิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าคุณปิดการใช้งาน regedit
Pop-up: Registry can't open- คุณจะไม่สามารถเปิดโปรแกรม Regedit ได้
- คุณจะไม่สามารถ Import File.reg
- คุณจะไม่สามารถใช้คำสั่งควบคุม Registry ด้วยโปรแกรม cmd รวมถึง การแก้ไข Registry ด้วย Batch file ได้อีกต่อไป
และ ถ้าคุณพยายามที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ผมบอก ก็จะมี Pop-up ขึ้นมาเตือนตามรูป 

วิธีการคืนค่า(Restore):

ให้คุณกลับเข้าไปแก้ไขตัวเลือกให้เป็น ☻ Not Configured หรือ ☻ Disable ตัวใดตัวหนึ่งก็ได้ จากนั้นคลิก OK โปรแกรม regedit หรือ cmd (แล้วแต่ว่าคุณเลือกปิดตัวไหน)ก็จะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
* คุณสามารถอ่านข้อแตกต่างระหว่างการใช้ตัวเลือก ☻ Not Configured กับ ☻ Disable 
ได้จากบทความนี้ครับ 
Basic Local Group Policy page 3: Options ต่างๆของการตั้งค่าใน Policy









* การตั้งค่าต่างๆใน gpedit เกือบทั้งหมด มักจะมีความสัมพันธ์กับการตั้งค่าใน Registry เสมอ เช่น ถ้าคุณเข้าไปแก้ไขค่าใน gpedit ให้เป็น ☻ Enabled ตามตัวอย่างใน Pic 1.(ปิด regedit) ระบบของ Windows ก็จะเข้าไปแก้ไขค่าใน Registry ให้เป็นดังรูป(Pic 2.) แต่เราจะไม่สามารถเปิดเข้าไปดูได้(เพราะคุณ ปิดการใช้งาน regedit ไปแล้ว) คุณต้องกลับไปตั้งค่าให้เป็น ☻Not Configured ก่อน จากนั้นก็มาดูวิธีการปิด regedit.exe ด้วยโปรแกรม Registry Editor ตามข้อ B.

B. ปิด/เปิด การใช้งาน regedit.exeโดยการแก้ไข Registry:


Disable regedit.exe with Registry Editor





1. เปิด Regedit : กด Windows key + r > พิมพ์ regedit > Ok > yes
2. ที่โปรแกรม Registry Editor ให้คุณเข้าไปตาม Key นี้ (Pic 2.)

HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System
ถ้าคุณเปิดมาถึงคีย์ Policies แล้วไม่พบคีย์ย่อยที่ชื่อ System ก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่
- วิธีการสร้างคีย์ย่อย(Sub key) >> คลิกขวาที่ Policies > New > Key > ตั้งชื่อเป็น System
3. ที่ Colum ด้านขวา ให้คุณตั้งค่า DWORD Vlue ชื่อ DisableRegistryTools= 1 ตรงนี้ถ้าไม่มี ก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่เหมือนกัน (คลิกขวาที่ Colum ด้านขวา ของ System Key > New > DWORD (32-bit ) Vlue > ตั้งชื่อเป็น DisableRegistryTools)...เสร็จแล้วปิดโปรแกรม regedit จากนั้นทดลองเปิด regedit ดูอีกครั้งก็จะได้ผลลัพธ์แบบข้อ A.

วิธีการคืนค่า(Restore)

คุณต้องใช้วิธีการ Restore แบบข้อ A. แต่คุณต้องเลือกเป็น  Disable เพราะตัวเลือกนี้ Windows จะลบการตั้งค่าใน Registry ให้คุณเอง













C. ปิด/เปิด การใช้งาน cmd.exe โดยการแก้ไข Registry:

Disable & Enable cmd.exe with Registry Editor
เปิดโปรแกรม Regedit :
กด windows key + r > พิมพ์ regedit > OK > Yes




ถ้าคุณเลือกที่จะปิดโปรแกรม cmd ด้วยวิธีตั้งค่าใน gpedit โดยการตั้งค่าตัวเลือก gpedit_icon[2]Prevent access to the command Prompt (เลือกเป็น ☻ Enabled )
ระบบ Windows จะเข้าไปเพิ่มค่า Registry ให้คุณเองตาม key นี้
HKEY_CURRENT_USER\Software\Policies\Microsoft\Windows\System. 
ที่ Column ด้านขวาจะมีค่า DWORD Value ที่ชื่อ 
DisableCMD และมีค่า Value data = 2

Command Prompt has been disable by your administrator- ค่า Value data นี้ จะปิดเฉพาะการใช้งาน cmd เท่านั้น สำหรับ Batch file ก็ใช้งานได้เหมือนเดิม และเมื่อคุณทดลองเปิด cmd ก็จะมี Message box ขึ้นมาเตือนตามรูป
- แต่ถ้าคุณต้องการปิดการใช้งาน cmd และ ห้ามใช้ Batch Fileด้วย คุณต้องเปลี่ยนค่า Value data = 1
- ถ้าคุณใส่ค่า Value data = 0 หรือ ลบ DWORD Value ที่ชื่อ DisableCMD ออกไปก็หมายถึงใช้งานได้ตามปกติ

Larva Toon Animation.gif

Note:
ถ้าคุณยังไม่ได้ตั้งค่าใน gpedit ที่หัวข้อ gpedit_icon[3]Prevent access to the command Prompt ให้เป็น ☻ Enabled มาก่อน จากนั้นถ้าคุณเปิดโปรแกรม regedit เข้ามาดูตาม Key ที่ผมระบุไว้ ก็อาจไม่พบ Key ที่ชื่อ System กับ DWORD Value ที่ชื่อ DisableCMD ถ้าเป็นแบบนี้คุณต้องสร้างขึ้นมาเองครับ




Disable & Enable gpedit.msc with File.reg, Registry Editor & cmd: ปิด และเปิดการใช้งาน gpedit.msc ด้วย File.reg, Registry Editor & cmd



 

Disable/Enable...Contents
1. Disable & Enable regedit, cmd  (Compare setting in gpedit & regedit) 2. Disable & Enable gpedit.msc 
with File.reg, Registry
 Editor & cmd
3. Disable & Enabl Run  (Compare setting in gpedit & regedit) 4. Disable & Enable Task Manager with batch file, reg file, Registry editor & gpedit.msc
5. Open Administrator Account to Troubleshoot some problems of windows

 


Disable & Enable gpedit.msc with File.reg, Registry Editor & cmd

ปิด และเปิดการใช้งาน gpedit.msc ด้วย File.reg, Registry Editor & cmd

Disable & Enable gpedit.msc with File.reg, Registry Editor & cmd(Larva Toon)

บทความนี้เขียนขึ้นมาเพื่อ แนะนำวิธีการแก้ไขในกรณีที่คุณไม่สามารถเปิดใช้งานgpedit.msc ไม่ได้มากกว่าที่จะแนะนำให้ปิด แต่ถ้าคุณใช้ Computer ร่วมกับคนอื่น หรือเป็นคนที่ดูแล Computer สาธารณะ หรือ อะไรทำนองนั้น จะปิดเพื่อความปลอดภัยก็ได้นะคะ
- ทุกครั้งที่มีการทดลองเกี่ยวกับการแก้ไขระบบ ไม่ว่าจะมีความเสี่ยงมาก หรือน้อยก็ตาม ฉันแนะนำว่าคุณควร Backup ระบบไว้ก่อนจะดีกว่า (ง่ายๆก็คือ Create a restore point)


จากวิธีทำในข้อ A, B, C ให้คุณเลือกทำตามข้อใดก็ได้ ตามความถนัด

 



A. ปิด/เปิด การใช้งาน gpedit.msc โดยการ Add file.reg (สำหรับคนที่มีพื้นฐานในเรื่อง Reg. เป็นอย่างดี)

1. Disable (ปิดการใช้งาน gpedit.msc) Pic 1.
- Copy code จากตารางข้างล่างนี้ จากนั้นนำไป Paste ใน Notepad หรือ WordPad > Save เป็นFile.reg ตั้งชื่ออะไรก็ได้(นามสกกุล.reg คุณต้องพิมพ์ใส่เองค่ะ) จากนั้นให้คุณDouble click ที่ file.reg > Yes > Yes > Ok
Windows Registry Editor Version 5.00
[HKEY_CURRENT_USER\Software\Policies\Microsoft\MMC\{8FC0B734-A0E1-11D1-A7D3-0000F87571E3}]
"Restrict_Run"=dword:
00000001

Disable gpedit.msc with File.reg
2. Enable (เปิดใช้งาน gpedit.msc) Pic 2.
- คลิกขวาที่ file.reg (ที่คุณสร้างขึ้นตามข้อ 1.) > เลือก Edit จากนั้นเปลี่ยนค่าของ "Restrict_Run"=dword:00000000 > Save > Double click ที่ file.reg > Yes > Yes > Ok
Enable gpedit.msc with File.reg
Note:
- การเขียนค่าของ dword value "Restrict_Run" ที่เป็น 00000001 และ 00000000 นั้นในการใช้งานจริง คุณจะเขียนเป็น 1, 0 ก็ได้เพราะเลข 0 ที่อยู่ข้างหน้าอีก 7 ตัวนั้นไม่มีความหมายอะไรเลย จึงไม่จำเป็นต้องเขียนก็ได้ แต่ที่ฉันเขียนตามภาพตัวอย่าง ก็เพราะว่ามันเป็นการเขียนให้ถูกหลักการเขียนเลขฐาน16 แบบ32 bit (Hexadecimal 32 bit) เท่านั้นเอง (ตัวเลขหนึ่งตัว = 4 bit, 4 x 8 = 32 bit)
- ถ้าคุณต้องการแยก File.reg ให้เป็นคนละตัวระหว่าง Disable กับ Enable ก็ให้ใช้คำสั่ง Save as จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อไฟล์ก็ได้
- ถ้าดูจากข้างในโปรแกรม Registry Editor. การแก้ไข reg Code ตามข้อ2. เป็นเพียงการเปลี่ยนค่า dword ที่ชื่อ Restrict_Run จาก 1ให้เป็น 0 ซึ่งเป็นค่า Default เท่านั้น
- แต่ ถ้าคุณต้องการลบการตั้งค่านี้ออกไปจริงๆก็ต้องใส่เครื่องหมายลบ(-) แบบ Code ในตารางข้างล่างนี้ค่ะ
Windows Registry Editor Version 5.00
[HKEY_CURRENT_USER\Software\Policies\Microsoft\MMC\{8FC0B734-A0E1-11D1-A7D3-0000F87571E3}]
"Restrict_Run"=
-
ความหมายของ code ในตารางก็คือ ให้ลบ Dword value ที่ชื่อ Restrict_Run


 





 

B. ปิด/เปิด การใช้งาน gpedit.msc โดยการตั้งค่าใน Registry Editor. (สำหรับคนที่ต้องการดูรายละเอียดใน regedit)

เปิด Registry editor (เลือกเปิดตามวิธีใดก็ได้)
- กด Windows key + r > พิมพ์ regedit > OK > Yes
- พิมพ์ regedit ที่ Address bar จากข้างใน Folder อะไรก็ได้ จากนั้นกด Enter > Yes

ที่โปรแกรม Registry Editor ให้คุณคลิกไปตาม Root key นี้ (Pic 1.)
HKEY_CURRENT_USER\Software\Policies\Microsoft\MMC\{8FC0B734-A0E1-11D1-A7D3-0000F87571E3}
- ถ้าคุณคลิกไปถึง Key ที่ชื่อ Microsoft แต่..ถ้าวินโดว์ของคุณไม่มี Key ที่ชื่อ MMC และ 
{8FC0B734-A0E1-11D1-A7D3-0000F87571E3} คุณต้องสร้างขึ้นมาเอง(คลิกขวาเลือก New > key จากนั้นก็ตั้งชื่อตามตัวอย่าง)
Disable & Enable gpedit.msc with Registry Editor
- ที่ Column ด้านขวา ให้คุณคลิกขวา > New > DWORD [32 bit] Value > ตั้งชื่อเป็น Restrict_Run
- Double click ที่ Restrict_Run > ที่ช่อง Value data ...>>>>
1. ถ้าคุณต้องการ "ปิดการใช้งาน gpedit.msc" ให้คุณใส่ค่า Value data = 1
2. ถ้าคุณต้องการ "เปิดการใช้งาน gpedit.msc" ให้คุณใส่ค่า Value data = 0 (เป็นค่า Default)
* การคืนค่าให้เปิดการใช้งาน gpedit.msc ได้ตามปกติอีกวิธีก็คือ ให้คุณลบ Value data หรือลบkey ที่คุณสร้างออกไปได้เลย







C. ปิด/เปิด gpedit.msc โดยการเขียนคำสั่ง Reg add ในโปรแกรม cmd

เปิด cmd Run Admin
Windows 7: พิมพ์ cmd ที่ Start search box > กด Ctrl + Shift ค้างไว้ จากนั้นคลิกที่ cmd Icon > Yes
Windows 8, 8.1: พิมพ์ cmd ที่ Start screen > กด Ctrl + Shift ค้างไว้ จากนั้นคลิกที่ cmd Icon > Yes

- เมื่อเปิด cmd ขึ้นมาแล้วให้คุณ Copy code จากข้อ 1. และ 2. (ข้างล่าง)จากนั้น > คลิกขวาใน cmd > เลือก Paste > กด Enter
1. Disable gpedit.msc (ปิดการใช้งาน Pic 4.) = 
REG add "HKCU\Software\Policies\Microsoft\MMC\{8FC0B734-A0E1-11D1-A7D3-0000F87571E3}" /v Restrict_Run /t REG_DWORD /d 
1 /f
Disable gpedit.msc with REG command in cmd

2. Enable gpedit.msc (เปิดการใช้งาน Pic 5.) = 
REG add "HKCU\Software\Policies\Microsoft\MMC\{8FC0B734-A0E1-11D1-A7D3-0000F87571E3}" /v Restrict_Run /t REG_DWORD /d 
0 /f
Enable gpedit.msc with REG command in cmd


Lava Toon Animation gifNote:สำหรับผู้อ่านที่มีพื้นฐานไม่มาก
- ถ้าคุณเขียนคำสั่งตามปกติ จะเป็นการเขียนแบบ "บรรทัดเดียว" แต่ที่คุณเห็นจากภาพตัวอย่างเป็น 2 บรรทัด ก็เพราะว่า Screen (หรือ จะเรียกว่าหน้าต่างก็ได้) ของโปรแกรม cmd มันมีความกว้างไม่พอ โปรแกรมเลยปัดต่อเป็นบรรทัดที่ 2.เท่านั้นเองค่ะ
- ถ้าคุณอยากรู้ว่าคำสั่งใน cmd ที่ใช้ในการควบคุม หรือจัดการกับ Registry มีอะไรบ้าง ให้พิมพ์ reg/? ในโปรแกรม cmd จากนั้นกด Enter





Disable & Enable run (Compare setting in gpedit & regedit): ปิด และเปิดการใช้งาน Run (เปรียบเทียบการตั้งค่าใน gpedit & regedit)




Disable/Enable...Contents
1. Disable & Enable regedit, cmd  (Compare setting in gpedit & regedit) 2. Disable & Enable gpedit.msc 
with File.reg, Registry
 Editor & cmd
3. Disable & Enabl Run 
(Compare setting in gpedit & regedit)
4. Disable & Enable Task Manager with batch file, reg file, Registry editor & gpedit.msc
5. Open Administrator Account to Troubleshoot some problems of windows

Disable & Enable Run (Compare setting in gpedit & regedit)

ปิด และ เปิดการใช้งาน Run (เปรียบเทียบการตั้งค่าใน gpedit & regedit)

 

Disable & Enable run  Compare setting in gpedit & regedit(Larva Toon)
ถ้าคุณใช้ Computer แบบส่วนตัว หรืออาจจะใช้งานร่วมกับคนอื่นเพียงไม่กี่คน
การปิดโปรแกรม regedit.exe(Registry Editor), gpedit.msc(Group Policy), cmd.exe(Command Prompt), run(Run dialog), taskmgr.exe(Task Manager) หรือ โปรแกรมที่ติด Windows อีกหลายๆตัว
นั้น โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันไม่มีประโยชน์สาระอะไรเลย ให้ผลเสียมากกว่าผลดี และ ผมก็ไม่แนะนำให้ปิดด้วย
จุดประสงค์ของบทความก็คือ แนะนำวิธีการแก้ปัญหาในกรณีที่คุณไม่สามารถ
เปิดใช้งานโปรแกรม หรือส่วนติดต่อต่างๆตามหัวเรื่องไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติมากกว่าครับ

 

- ใน Review จะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างการตั้งค่าโดยใช้ โปแกรม gpedit.msc(Local Group Policy Editor) กับการแก้ไขค่าโดยใช้ Registry Editor 
- ในกรณีที่คุณจะเข้าไปปรับแต่ง Registry ตามคีย์ต่างๆที่ผมระบุ, ถ้าคุณคลิกมาถึงคีย์ใดคีย์หนึ่ง แล้วหาคีย์ถัดลงไป(Sub key)ไม่เจอ ก็หมายถึงคุณต้องสร้างขึ้นมาเอง ทั้งนี้ก็รวมถึงค่า Value และ Value data ที่อยู่ใน Column ด้านขวาด้วย
- ในการทดลองแก้ไขระบบ ไม่ว่าจะมีความเสี่ยงมาก หรือน้อยก็ตาม แนะนำว่าให้ Backup ระบบไว้ก่อนจะดีกว่า (Create a restore point นั่นไงง่ายสุดแล้ว)



A.ปิด/เปิด การใช้งาน Run โดยการตั้งค่าใน gpedit.msc (Pic1.)


Disable & Enable run With gpedit.mscเปิดโปรแกรม Local Group Policy Editor :
-กด Windows key + r > พิมพ์ gpedit.msc > Ok
- หรือ คุณจะพิมพ์ gpedit.msc ที่ Address bar จากข้างใน Folder อะไรก็ได้ จากนั้นกด Enter

1. ที่หน้าต่างของโปรแกรม gpedit(ในตัวอย่างของผมใช้Standard View) ให้คุณคลิกเข้าไปตาม Path นี้
User Configuration > Administrative Templates > Start Menu and Taskbar.

2. ที่ Colum ด้านขวา ให้คุณ Double click ที่  gpedit_icon[6]Remove Run menu from Start Menu

3. ที่ Remove Run menu from the Start Menu Dialog ให้คุณเลือกเป็น Circle_black&white[4] Enabled จากนั้นคลิก Ok
* ถ้าคุณอยากรู้ว่าการตั้งค่าของตัวเลือกนั้นๆ สามารถนำมาใช้งานกับ Windows รุ่นไหนได้บ้างให้คุณดูที่Support on * ถ้าคุณอยากรู้ว่าการตั้งค่าของตัวเลือกนั้นๆจะให้ผลลัพธ์อย่างไร ให้คุณอ่านที่ Help (เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วก็ปิด gpedit ได้เลย)



วิธีการคืนค่า(Restore):

ให้คุณกลับเข้าไปแก้ไขตัวเลือกให้เป็น ☻ Not Configured หรือ ☻ Disable ตัวใดตัวหนึ่งก็ได้ จากนั้นคลิก OK โปรแกรม regedit หรือ cmd (แล้วแต่ว่าคุณเลือกปิดตัวไหน)ก็จะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม

 





B. สิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าคุณปิดการใช้งาน Run


Run Command จะผูกติดกับ Windows Explorer โดยตรง เพราะฉะนั้นการปิด Run จึงก่อให้เกิดผลกระทบอยู่หลายจุดเลยทีเดียว มีผลกระทบอะไรบ้าง?..มาดูกัน
Windows key + r warning Pop-up1. ถ้าคุณกด Windows key + r ที่แป้น key board หรือ Double click ที่ไอคอนของ Run
: จะมี Pop-up เปิดขึ้นมาแจ้งตามรูป(Option นี้ถูกยกเลิก....กรุณาติดต่อ system admin...อะไรประมาณนั้น)

Can't open run in Task Manager2. ถ้าคุณเปิด Task Manager คลิกที่ File tab,
: Run new task จะหายไปด้วย
Address bar missing Pop-up3. ถ้าคุณค้นหาอะไรก็ตาม โดยการพิมพ์ Keyword(คำค้นหา)ใน Address bar จากนั้นกด Enter หรือ คลิกที่ปุ่มลูกศร ตามรูป
: จะมี Pop-up เปิดขึ้นมาแจ้งตามรูป



 




 

c. ถ้าไม่ต้องการ Restore การตั้งค่าใน gpedit, จะมีวิธีเปิดโปรแกรมต่างๆที่ติดมากับ Windows ได้อย่างไร? (ถ้าคุณรู้วิธีแล้วก็ข้ามหัวเรื่องนี้ไปเลย)


โปรแกรมที่ติดมากับ Windows ที่สามารถเรียกใช้งานโดยการพิมพ์ชื่อของโปรแกรม ที่เราใช้กันอยู่บ่อยๆก็อย่างเช่น cmd, regedit, msconfig, services.msc, Sysdm.cpl, gpedit.msc เป็นต้น(อันที่จริงมีหลายโปรแกรมมาก ถ้าคุณอยากรู้ให้อ่านรายระเอียดได้จากLINK นี้ดีกว่าครับ)
และ ที่ผมใช้คำว่าโปรแกรมก็ไม่ได้เรียกผิดนะ เพราะส่วนติดต่อต่างๆของ Windows ที่เราเรียกใช้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นโปรแกรมที่ถูกเก็บไว้ที่ C:\Windows\System32 และ C:\Windows
Pic 2. ถึงแม้คุณจะปิดการใช้งาน Run ไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายวิธีที่ยังสามารถเปิดโปรแกรมที่ติดมากับ Windows ขึ้นมาใช้งานได้ ผมจะยกตัวอย่างเป็นบางวิธีเท่านั้นครับ เพราะมันนอกประเด็น ยกตัวอย่างเช่น ผมต้องการเปิดโปรแกรม regedit (ในวงเล็บข้อ 1.- 3. ข้างล่างคือ Windows Versions ที่ใช้งานได้)
Open regedit in cmd & Open regedit in Start search box(windows Vista, 7)
1. พิมพ์ regedit จากในโปรแกรม cmd จากนั้น กด Enter (XP - 8)
- ใน Windows XP - 7 cmd Shortcut จะอยู่ที่ Start Menu > All Programs > Accessories > Command Prompt
- ใน Windows 8 คุณสามรถเปิด cmd ได้หลายทิศทางมาก แต่ที่ง่ายที่สุดคือ ให้คุณคลิกขวาที่มุมล่าง-ซ้าย ของหน้าจอ(Screen) > Command Prompt
 
2. พิมพ์ regedit ที่ Start search box > กด Enter(Vista, 7)
3. พิมพ์ regedit ที่ Start screen > กด Enter (Win8)


 




 

D.ปิด/เปิด การใช้งาน Run โดยการตั้งค่าใน Registry (Pic3)

1. เปิดโปรแกรม regedit ขึ้นมา(กด Windows key + r พิมพ์ regedit > OK >Yes) ที่หน้าต่างของโปรแกรม regedit ให้คุณคลิกเข้าไปตาม Key นี้
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer

Disable run With regedit



2. ที่ Column ด้านขวา ให้คุณคลิกขวา > 
New > DWORD (32-bit ) Value > ตั้งชื่อเป็น 
NoRun


3. Double click ที่ NoRun ตั้งค่า Vale data = 1



Note:
ถ้าคุณได้ตั้งค่า ใน gpedit ที่หัวข้อ gpedit_icon[7]Remove Run menu from Start Menu (เลือกเป็น ☻ Enabled ) ไว้ก่อนแล้ว, ระบบ Windows จะสร้างค่าต่างๆใน Registry ให้คุณโดยอัตโนมัติ

วิธีการคืนค่า(Restore):

- ให้คุณลบ REG_DWORD ที่ชื่อ NoRun ออกไป, Run command ก็จะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมครับ หรือ....
- คุณจะกลับไปเปลี่ยนตัวเลือกใน gpedit ให้เป็น 
☻ Disable ก็ได้วิธีนี้ Windows ก็จะลบ REG_DWORD ที่ชื่อNoRun ให้เหมือนกัน






Larva Toon Animation.gif


* ในกรณีที่คุณปิด Run โดยการแก้ไข Registry (แบบข้อ D.) จากนั้น ถ้าคุณต้องการคืนค่าให้เป็นเหมือนเดิม โดยใช้ gpedit.msc ทำไม? ผมต้องแนะนำให้ใช้ตัวเลือก ☻ Disable ในการคืนค่า ทั้งๆที่ตัวเลือก ☻ Not Configured ก็คืนค่าได้เหมือนกัน (ไมใช่หรือ?)... มีคำตอบในบทความนี้ครับ>> Basic Local Group Policy page 3: Options ต่างๆของการตั้งค่าใน Policy